เช้านี้ของคุณอาจจะไม่ค่อยรู้สึกสดใสเท่าไหร่นัก เมื่อค่าฝุ่น PM 2.5 กลับมาพุ่งขึ้นสูงอีกครั้ง โดยมีรายงานจากค่าดัชนีของ AirVisual ว่าในบางพื้นที่ของกรุงเทพมหานครนั้น พุ่งสูงขึ้นถึงตัวเลข 247 (สีม่วง)
อย่างไรก็ตาม ศูนย์ประสานงานและแก้ไขปัญหามลพิษทางอากาศในกรุงเทพมหานคร ได้รายงานสถานการณ์ฝุ่นละออง PM 2.5 ของสถานีตรวจวัดคุณภาพอากาศทั่วกรุงเทพมหานคร ประจำวันเสาร์ที่ 16 มกราคม พ.ศ.2564 พบว่ามีค่าเกินมาตรฐานจำนวน 70 พื้นที่ ตัวอย่างเช่น เขตประเวศ เขตทวีวัฒนา เขตหนองแขม เขตมีนบุรี เขตบางนา เป็นต้น
ถึงแม้จะมีหลายพื้นที่ที่มีค่าคุณภาพอากาศเกินมาตรฐาน แต่กรุงเทพมหานครได้รายงานว่า กรุงเทพมหานครมีค่าเฉลี่ยคุณภาพอากาศปานกลาง ประชาชนทั่วไปสามารถทำกิจกรรมกลางแจ้งได้ตามปกติ โดยผู้ที่ต้องดูแลสุขภาพเป็นพิเศษ หากมีอาการเบื้องต้น เช่น ไอ หายใจลำบาก ระคายเคืองตา ควรลดระยะเวลาทำกิจกรรมกลางแจ้ง และขอให้ประชาชนในบริเวณที่มีมลพิษทางอากาศเกินมาตรฐานให้เฝ้าระวังสุขภาพของตน
การวัดฝุ่นละออง PM 2.5 ของสถานีตรวจวัดคุณภาพอากาศทั่วกรุงเทพมหานคร จะถูกวัดค่าเฉลี่ย 24 ชั่วโมง แล้วรายงานผลประจำวันหนึ่งครั้ง มิใช่การรายงานผลแบบนาทีต่อนาที จึงทำให้เกิดการตั้งคำถามว่าการรายงานผลค่ามาตรฐานอากาศของกรุงเทพมหานครนั้น แม่นยำหรือไม่ เนื่องจากไม่สอดคล้องกันกับทัศนวิสัยในการมองเห็นที่ต่ำในเช้านี้ ซึ่งฝุ่น PM 2.5 ที่เข้ามาบดบัง จากรายงานของ AirVisual ระบุว่า ไทยมีคุณภาพอากาศย่ำแย่ที่สุดติดอันดับที่ 11 ของโลก (ณ เวลา 10.00 น. ของวันที่ 16 มกราคม)
ทั้งนี้ รัฐบาลได้ประกาศให้การจัดการปัญหามลพิษทางอากาศเป็นวาระแห่งชาติ ตั้งแต่เมื่อปีก่อน แต่ผลลัพธ์เชิงนโยบายยังคงไม่ถูกแก้ไขอย่างเป็นรูปธรรมมากนัก The MATTER ชวนอ่านบทความ ‘ทบทวนวาระแห่งชาติ ฝุ่น PM 2.5 1 ปีผ่านไป รัฐบาลแก้ปัญหาอะไรไปแล้วบ้าง ?’ พร้อมบทสัมภาษณ์ตอนท้ายจาก ธารา บัวคำศรี ผู้อำนวยการ Green Peace Thailand ต่อสถานการณ์ฝุ่น PM 2.5 ของไทย: https://thematter.co/social/pm-thailand-progress/131139
อ้างอิงจาก
https://www.thairath.co.th/news/local/bangkok/2013676
https://www.facebook.com/prbangkok/posts/3166229110143355
https://thematter.co/social/pm-thailand-progress/131139
#Brief #TheMATTER