การ debate หรือประชันวิสัยทัศน์ ก่อนการเลือกตั้งครั้งสำคัญ อาจจะยังไม่ใช่ธรรมเนียมปฏิบัติของการเมืองไทยเท่าไร และผู้นำหลายๆ คนก็เลี่ยงขึ้นเวที debate อาทิ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร มาจนถึง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา
( แม้การเลือกตั้งทั่วไปของไทยครั้งล่าสุด จะมีเวที debate ที่มีตัวแทนพรรคต่างๆ เข้าประชันความคิดกันอย่างน้อย 108 เวทีก็ตาม )
แต่สำหรับการเมืองสหรัฐอเมริกา การ debate แทบจะถือเป็น ‘ธรรมเนียมปฏิบัติ’ ที่จัดกันมาเป็นร้อยปี โดยเฉพาะก่อนการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ที่จะมีการ debate ในประเด็นร้อนต่างๆ ที่เริ่มจัดขึ้นอย่างเป็นกิจจะลักษณะ นับแต่มีสื่อทีวี
หลายครั้งการ debate มีผลต่อการลงคะแนน เช่น การดีเบตก่อนเลือกตั้ง ปธน.สหรัฐฯ ระหว่างจอห์น เอฟ เคนเนดี้ กับริชาร์ด นิกสัน ในปี ค.ศ.1960 ที่ทำให้ฝ่ายแรกชนะฝ่ายหลังอย่างพลิกความคาดหมาย
ก่อนเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ครั้งล่าสุด ผู้เกี่ยวข้องกับเตรียมเวที debate ระหว่างตัวแทนชิงเก้าอี้ประธานาธิบดีสหรัฐฯ จากสองพรรคใหญ่ ได้แก่ โดนัลด์ ทรัมป์ จากพรรครีพับลิกัน และโจ ไบเดน จากพรรคเดโมแครต ไว้ 3 เวที
เวทีแรก จัดไปแล้วเมื่อวันที่ 29 กันยายนที่เมืองคลีฟแลนด์ รัฐโอไฮโอ ซึ่งผ่านไปด้วยความทุลักทุเล เพราะทรัมป์มัวแต่แย่งไบเดนพูด และหลังจากนั้นก็มีข่าวใหญ่ เมื่อทรัมป์ติด COVID-19!
ล่าสุด เวทีที่สอง ที่เดิมจะมีขึ้นในวันที่ 15 ตุลาคม ที่เมืองไมอามี รัฐฟลอริดา ก็ถูกยกเลิกไป หลังคณะกรรมการผู้จัดงานเสนอให้เปลี่ยนไปจัด debate แบบ ‘เสมือน’ (virtual) แทน โดยให้ทรัมป์และไบเดนอยู่คนละที่กัน แต่ไอเดียนี้ถูกทรัมป์ปฏิเสธ และข้อเสนอให้เลื่อน debate ออกไป ก็ถูกไบเดนปฏิเสธ
ท้ายที่สุด จึงเหลือเวทีสุดท้าย ที่จะมีขึ้นในวันที่ 22 ตุลาคม ที่เมืองซอลต์เลกซิตี้ รัฐยูทาห์เท่านั้น
ก่อนจะถึงวันหย่อนบัตร ทั่วประเทศในวันที่ 3 พฤศจิกายน ที่จะชี้ชะตาว่าทรัมป์จะได้เป็นประธานาธิบดีสหรัฐฯ ต่อไป หรือไบเดนจะขึ้นมาคุมตำแหน่งสำคัญในทำเนียบขาวแทน ซึ่งจะส่งผลต่อทิศทางนโยบายของประเทศมหาอำนาจนี้ ต่อความเป็นไปของโลก ไม่ว่าจะเรื่องเศรษฐกิจอย่างสงครามการค้ากับจีน เรื่องความมั่นคงในภูมิภาคต่าบงๆ หรือกระทั่งเรื่องสิ่งแวดล้อม อย่างท่าทีต่อข้อตกลงปารีส ฯลฯ
อ้างอิงข้อมูลจาก
https://thematter.co/social/thai-political-debate/73275
https://www.debates.org/debate-history/
https://edition.cnn.com/…/second…/index.html
https://edition.cnn.com/…/h_b250f8a5bb939bbf06c8052b3f3…
#Brief #TheMATTER