พรพรหม สังขสุข หนึ่งในผู้ที่อ้างว่าได้รับบาดเจ็บจากเหตุการณ์สลายการชุมนุมหน้ารัฐสภา เมื่อวันที่ 17 พฤศจิกายนว่า ในวันนั้น เขายืนอยู่ด้านหน้าของขบวน ก่อนถูกเจ้าหน้าที่ยิงน้ำแรงดันสูงอัดใส่บริเวณลำตัวจนล้มลง ทำให้การ์ดของผู้ชุมนุมต้องช่วยกันหามเขามาไว้ที่เต้นท์พยาบาล แล้วถอดเสื้อผ้า นำน้ำสบู่ล้างมาฟอกตามตัว ซึ่งเขาบอกว่า “ถ้าไม่ได้ฟอกสบู่ตอนนั้น ก็อาจเป็นแผลพุพองมากกว่านี้ไปแล้ว”
เมื่อถึงเช้าวันรุ่งขึ้น เขาเริ่มมีอาการจุกท้อง และเสียวบริเวณชายโครงเมื่อบิดตัว เขาพูดถึงมันว่า “ตอนนั้นก็ยังไม่ได้คิดอะไรมาก ได้แต่บ่นกันเพื่อนๆ” เมื่อไม่คิดว่าตัวเองจะเป็นอะไร เขาจึงออกไปร่วมชุมนุมบริเวณสี่แยกราชประสงค์ในวันรุ่งขึ้น (18 พฤศจิกายน) ต่อ
กระทั่งภายหลังการชุมนุมที่ถนนอักษะ (22 พฤศจิกายน) เขาเริ่มรู้สึกแน่นหน้าอก หายใจลำบาก จึงเข้าไปตรวจที่โรงพยาบาลพระราม 9 และพบว่าซี่โครงหัก แต่เขายังไม่ปักใจเชื่อดีนัก จึงไปเช็คซ้ำที่โรงพยาบาลปากเกร็ด 2 ก่อนผลเอ็กเซรย์ออกมาว่า ‘ซี่โครงซี่ที่ 4 และ 5 หัก’
เมื่อเขาพูดว่า “คุณหมออัดยาเยอะมาก และสั่งห้ามไม่ให้ออกมา” เราจึงต้องถามต่อถึงแรงจูงใจที่ออกมาวันนี้ เขากล่าวว่า “เราห่วงใยน้องๆ อย่างน้อยเราก็ออกมาเพื่อเป็นอีกหนึ่งพลัง เอาน้ำมาให้ มวลชนจะได้มีน้ำดื่ม ไม่ใช่ว่าเราเจ็บปวด และจะไม่ออกมา ผมบอกตลอดอยู่แล้วว่าถ้ายังดิ้นได้ เดินได้ หรือแม้ต้องนอนบนรถเข็นก็จะออกมาอยู่ดี” เขายังกล่าวอีกว่า เพราะเขารู้สึกว่าเขาเป็นเหมือนผู้ปกครองที่ออกมาดูแลคนรุ่นใหม่ที่พยายามสู้เพื่อสิ่งที่ถูกต้อง และอนาคตตัวเอง
เขาแสดงความเห็นถึงนโยบายปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ว่า “มันรุนแรงและโหดร้ายเกินไปหน่อย” เขามองว่า คณะราษฎรไปชุมนุมที่ไหนไม่เคยทำลายข้าวของ ไม่เคยทำร้ายเจ้าหน้าที่ หรือมีปัญหากับใคร แต่ละครั้งที่ผ่านมา ไม่เคยรุนแรงเลย เพราะแกนนำและผู้ชุมนุมก็เตือนกันเองอยู่ตลอด
ตอนนี้เขาได้ติดต่อกับ น.พ.ทศพร เสรีรักษ์ และเตรียมเอกสารข้อมูลไว้ครบแล้ว ทั้งผลเอ็กเซรย์ ใบรับรองแพทย์ ซีดีแสดงผลตรวจ โดยพรพรหมได้แสดงใบรับรองแพทย์ให้ดู และกล่าวว่าในวันพรุ่งนี้จะไปพรรคเพื่อไทยเพื่อยื่นหนังสือร้องเรียนและดำเนินการทางด้านกฎหมายต่อไป
#25พฤศจิไปSCB #Brief #TheMATTER