ดูเหมือนการแพร่ระบาดของ COVID-19 ในระลอกสองจะใกล้เข้ามาเรื่อยๆ หลังเกิดเคส Super Spreader หลายพื้นที่ทั่วประเทศในช่วงปลายเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา วันนี้ The MATTER ได้รวบรวมไทม์ไลน์ของผู้ตรวจพบ COVID-19 มาให้เห็นกันชัดๆ ว่าผู้ป่วยแต่ละรายเดินทางไปที่ไหนบ้าง เพื่อให้เราสามารถเช็คอาการ และเฝ้าระวังตัวเองได้ถูกจุด
สำหรับเหตุการณ์ Super Spreader ในครั้งนี้ มีจุดเริ่มต้นที่หญิงสาวชาวไทย 3 คน ซึ่งทำงานอยู่ในสถานบันเทิง จ.ท่าขี้เหล็ก ประเทศพม่า ได้เดินทางเข้ามายังประเทศไทยผ่านช่องทางทางธรรมชาติบริเวณ อ.แม่สาย จ.เชียงราย หลังจากหญิงสาวทั้งสามเดินทางเข้าประเทศเรียบร้อยแล้ว แต่ละคนก็แยกย้ายไปทำกิจกรรมต่างๆ ดังนี้
หญิงสาว อายุ 29 ปี จ.เชียงใหม่
- 24 พ.ย. : เดินทางเข้ามายังประเทศไทยผ่านช่องทางธรรมชาติ จากนั้นเดินทางเข้าเชียงรายโดยรถยนตู้โดยสาร ก่อนจะเข้าเชียงใหม่ด้วยรถบัสสาธารณะ ช่วงกลางคืน ออกไปท่องเที่ยวที่สถานบันเทิงย่านสันติธรรม และได้มีการสังสรรค์กับเพื่อนที่คอนโดส่วนตัว
- 25 พ.ย. : ออกไปห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่ง ทำกิจกรรมหลายอย่าง อาทิ ชมภาพยนตร์ ช็อปปิ้ง ทานอาหาร โดยระหว่างอยู่ในห้างฯ ผู้ติดเชื้อสวมใส่หน้ากากผ้าอนามัย แต่ไม่ตลอดเวลา
- 26 พ.ย. : เริ่มมีอาการจมูกไม่รับรู้กลิ่น ถ่ายเหลว จากนั้นจึงเดินทางไปตรวจที่ รพ.เอกชน ก่อนจะเดินทางไปตรวจหา COVID-19 ที่ รพ.นครพิงค์
- 27 พ.ย. : ได้รับการยืนยันว่าติดโรค COVID-19
หญิงสาววัย 26 ปี จ.เชียงราย
- 27 พ.ย. : เดินทางกลับประเทศไทยผ่านช่องทางธรรมชาติ พร้อมเพื่อนชาวไทย 1 คน ในระหว่างเดินทางเริ่มมีอาการไข้ต่ำๆ และไอ โดยหลังจากกลับถึงประเทศไทยแล้ว ได้เดินทางต่อไปยังแม่สาย โดยรถจักรยานยนต์รับจ้าง และได้แวะซื้ออาาหารในร้านอาหารแห่งหนึ่ง จากนั้นเข้าพักในโรงแรมแห่งหนึ่ง และเมื่อถึงช่วงกลางคืน ได้ออกไปซื้อของที่ร้านสะดวกอีกครั้ง ก่อนจะกลับมาพักยังโรงแรม
- 28 พ.ย. : ทราบข่าวเพื่อนหญิงอายุ 29 ติดเชื้อ COVID-9 จึงเดินทางไปตรวจยังโรงพยาบาล แต่ก่อนจะไปถึงโรงพยาบาลได้แวะซื้อของที่ร้านโทรศัพท์มือถือใกล้โรงแรม จากนั้นเดินทางไปตรวจที่โรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่ง แล้วทำเรื่องขอเข้ารักษาที่โรงพยาบาลเชียงรายประชานุเคราะห์
- 29 พ.ย. : ได้รับการยืนยันว่าติดโรค COVID-19
หญิงสาววัย 23 ปี จ.เชียงราย
- 27 พ.ย. : เดินทางกลับประเทศไทยผ่านช่องทางธรรมชาติ พร้อมเพื่อนชาวไทย 1 คน โดยหลังจากกลับถึงประเทศไทยแล้ว ได้เดินทางต่อไปยังแม่สาย โดยรถจักรยานยนต์รับจ้าง และแวะซื้ออาหารในร้านอาหาร จากนั้นได้เข้าพักในโรงแรมแห่งหนึ่ง และเมื่อถึงเวลากลางคืน ได้ออกไปซื้อของที่ร้านสะดวกอีกครั้ง ก่อนจะกลับมายังโรงแรม (เดินทางไปกับหญิงสาววัย 26 ทุกที่)
- 28 พ.ย. : พักผ่อนอยู่ที่โรงแรมตลอดทั้งวัน
- 29 พ.ย. : เริ่มมีอาการปวดตัว ปวดศีรษะ และมีน้ำมูก ซึ่งขณะนั้นเธอได้ทราบว่าเพื่อนที่ร่วมเดินทางมาติดโรค COVID-19 จึงมีเจ้าหน้าที่สาธารณสุขโรงพยาบาลแม่สาย เข้ามารับตัวเพื่อส่งไปห้องแยกโรคที่ รพ.เชียงรายประชานุเคราะห์ เพื่อตรวจหาเชื้อ COVID-19
- 1 ธ.ค. : ได้รับการยืนยันว่าติดโรค COVID-19
หลังพบผู้ติดเชื้อเบื้องต้น ทางกระทรวงสาธารณะสุขได้เร่งติดตามผู้ร่วมเดินทาง และคนใกล้ชิดของผู้ป่วยมากักตัวก่อนที่จะมีการแพร่ระบาดไปในวงกว้างอีกครั้ง จากการสอบสวนผู้สัมผัส และผู้ที่เกี่ยวข้อง ทำให้พบผู้ที่เดินทางกลับมาจากพม่าอีก 6 ราย ซึ่ง 2 ราย อยู่ที่เชียงใหม่ อีก 4 ราย อยู่ที่พะเยา พิจิตร ราชบุรี และ กทม. อย่างละ 1 ราย
หญิงอายุ 28 ปี จ. พะเยา
- 27 พ.ย. : เดินทางจากพม่ากลับประเทศไทยผ่านช่องทางทางธรรมชาติ จากนั้นนั่งรถจักรยานยนต์มายังแม่สาย และจ้างรถแท็กซี่จากขนส่งแม่สายไปยังห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่งในเชียงราย และได้เข้าพักยังหอพักของเพื่อนสนิทที่ตั้งอยู่หลังห้างสรรพสินค้าดังกล่าว ก่อนจะออกไปซื้อของที่ตัวเมือง
- 28 พ.ย. : คนรักขับรถยนต์ส่วนตัวจากพะเยา มารับไปเที่ยวงานสิงห์ปาร์ค โดยเข้าพักโรงแรม Hop Inn จ. เชียงราย
- 30 พ.ย. : ออกจากโรงแรม และแวะทานอาหารร้านระหว่างทาง ก่อนจะเดินทางไปยังเชียงใหม่ โดยในช่วงเย็นของวันเดียวกันได้เข้ารับการตรวจเชื้อที่ รพ.เอกชน จากนั้นเดินทางกลับพะเยาด้วยรถยนต์ส่วนตัว ตกกลางดึกได้เดินทางเข้ารับการรักษา ที่ รพ.พะเยา
- 1 ธ.ค. : โรงพยาบาลเอกชนในเชียงใหม่ และโรงพยาบาลพะเยายืนยันว่าตรวจพบเชื้อ COVID-19
หญิง อายุ 21 ปี กทม.
- 28 พ.ย. : เดินทางจากพม่ามายังประเทศไทยผ่านช่องทางธรรมชาติ จนมาถึง อ. แม่สาย จ.เชียงราย โดยขณะเดินทางเริ่มมีอาการไข้ เจ็บคอ มีน้ำมูก จากนั้นเดินทางมาพักยังโรงแรมแห่งหนึ่งเป็นเวลา 30 นาที เพื่อรอขึ้นเวลาขึ้นเครื่องบิน โดนเป้าหมายคือสนามบินดอนเมือง กทม. และเมื่อมาถึงสนามบินดอนเมืองแล้ว ได้นั่งรถแท็กซี่ไปยังคอนโดส่วนตัวย่านอุดมสุข
- 29 พ.ย. : เดินทางไปตรวจแถวคลินิกย่านอุดมสุข คลินิกดังกล่าวแนะนำให้ไปตรวจยังโรงพยาบาล จึงเดินทางไปที่โรงพยาบาลเอกชนย่านบางนา และได้ทราบว่าตันเองป่วยเป็น COVID-19
นอกจากที่กล่าวถึงมานั้น ยังมีผู้ติดเชื้อเป็นหญิงสาวอายุ 25 ปี จ.พิจิตร ซึ่งเป็นเพื่อนกับผู้ติดเชื้อที่อาศัยอยู่ กทม. โดยรายนี้พบว่าไม่มีอาการป่วยใดๆ แต่เมื่อรู้ว่าว่าเพื่อนพบเชื้อดังกล่าว จึงเดินทางไปตรวจเชื้อด้วยตัวเอง ซึ่งผลการตรวจเชื้อพบว่าป่วย COVID-19
และอีกหนึ่งรายที่เดินทางมาจากประเทศพม่า และพบว่าป่วยเป็น COVID-19 คือหญิงอายุ 36 ปี อาศัยอยู่ที่ จ.ราชบุรี จากการซักประวัติ เธอเดินทางกลับประเทศไทยเมื่อวันที่ 29 พ.ย. ระหว่างเดินทางเริ่มมีอาการไอ มีน้ำมูก เจ็บคอ และปวดศีรษะ เมื่อเดินทางกลับมาถึงประเทศจึงได้เข้าตรวจรักษาตัวที่โรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่ง ก่อนจะรู้ว่าเพื่อนที่ร่วมเดินทางมาติด COVID-19 เธอจึงถูกส่งตัวไปยังโรงพยาบาลราชบุรี เพื่อตรวจหาเชื้อ และผลตรวจได้ออกมาในวันที่ 2 ธ.ค. พบว่าป่วยเป็น COVID-19
การลักลอบเข้าประเทศผ่านเส้นทางธรรมชาติถือเป็นการกระทำที่ผิดกฎหมาย อย่างไรก็ตาม ขณะนี้เจ้าหน้าที่มีความตั้งใจจะยังไม่ดำเนินคดีใดๆ และมุ่งไปที่ภารกิจตรวจเชื้อเพื่อควบคุมการแพร่กระจายในวงกว้าง โดยเจ้าหน้าที่ขอให้คนที่ต้องการกลับไทยแจ้งผ่านหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้การลำเลียงเป็นไปอย่างปลอดภัยที่สุด ซึ่งขณะนี้มีผู้แจ้งความประสงค์จะเดินทางกลับมาอีกจำนวน 17 คน ทางเจ้าหน้าที่สาธารณสุขและศูนย์ปฏิบัติการควบคุมโรค (ศปก.) ได้เตรียมรับกลุ่มคนดังกล่าวเพื่ออำนวยความสะดวกในการเข้าเมืองต่อไป
อ้างอิงจาก
https://www.thairath.co.th/news/local/1986171
https://www.thairath.co.th/news/local/1987627
https://www.bbc.com/thai/thailand-55127630
https://www.khaosod.co.th/covid-19/news_5447374
https://news.thaipbs.or.th/content/298839
#BRIEF #TheMATTER