ปี ค.ศ.2020 ที่ผ่านมา เป็นอีกหนึ่งปีที่รับมือยากลำบากที่สุด ซึ่งจากการสำรวจพบว่า อัตราการฆ่าตัวตายในญี่ปุ่นช่วงเดือนกรกฎาคม-ตุลาคม ซึ่งเป็นช่วงที่เกิดการแพร่ระบาดของ COVID-19 ระลอกสอง มีชาวญี่ปุ่นฆ่าตัวตายเพิ่มขึ้น 16 เปอร์เซ็นต์ เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันในปี ค.ศ.2019
จากการศึกษาของนักวิจัยจากมหาวิทยาลัยฮ่องกง(Hong Kong University) และสถาบันผู้สูงอายุในโตเกียว (Tokyo Metropolitan Institute of Gerontology) ระบุว่าอัตราการฆ่าตัวของของคนญี่ปุ่นกลับมาพุ่งสูงขึ้นอีกครั้ง หลังจากที่ก่อนหน้านี้ ในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ – มิถุนายน อัตราการฆ่าตัวตายลดลงมาอยู่ที่ 14 เปอร์เซ็นต์ หลังจากที่รัฐบาลพยายามหาแนวทางเยียวยาเพื่อลดความเครียดให้กับประชาชน
งานวิจัยดังกล่าวได้รับการตีพิมพ์ในวารสาร Nature Human Behavior ซึ่งเปิดเผยว่า เหตุจูงใจในการฆ่าตัวตายในปีที่ผ่านมา มีความแตกต่างจากช่วงที่สถานการณ์เศรษฐกิจเป็นปกติ และอัตราการฆ่าตัวตายที่ลดลงในการระบาดรอบแรก เป็นผลจากมาตรการอุดหนุนประชาชนของรัฐบาล อาทิ การลดเวลาทำงาน
อีกหนึ่งสถิติที่งานวิจัยดังกล่าวพูดถึงคือแนวโน้มการฆ่าตัวตายของผู้หญิง และเด็ก ที่ทวีสูงขึ้นในช่วงปีที่ผ่านมา โดยผู้หญิงมีอัตราการฆ่าตัวตายเพิ่มขึ้น 37 เปอร์เซ็นต์ หรือเพิ่มขึ้นประมาณ 5 เท่าของผู้ชาย เนื่องจากการแพร่ระบาดของ COVID-19 ที่กินเวลานาน ทำให้ผู้หญิงต้องทำหน้าที่ในฐานะผู้ดูแลบ้าน และครอบครัวแทบจะตลอดเวลา ประกอบกับเปอร์เซ็นต์การเกิดความรุนแรงในครอบครัวก็สูงขึ้นในช่วงเวลาดังกล่าว
และจากการศึกษาข้อมูลของกระทรวงสาธารณสุขในเดือนพฤศจิกายน ปี ค.ศ.2016 ถึงเดือนตุลาคม ปี ค.ศ. 2020 พบว่า ช่วงของการแพร่ระบาด COVID-19 ระลอกสอง อัตราการฆ่าตัวตายของเด็กพุ่งขึ้น 49 เปอร์เซ็นต์ สอดคล้องกับช่วงที่มีการปิดโรงเรียน
เมื่อเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา สำนักข่าว CBS News ได้เปิดเผยว่า ในเดือนตุลาคมเพียงเดือนเดียว มีคนญี่ปุ่นฆ่าตัวตายถึง 2,153 คน และในปี ค.ศ. 2020 มีชาวญี่ปุ่นที่เสียชีวิตจากการฆ่าตัวตายประมาณ 17,000 คน (ตามข้อมูลเดือนพฤศจิกายน ค.ศ. 2020) ในขณะที่ตัวเลขผู้เสียชีวิตจาก COVID-19 ปัจจุบันอยู่ที่ 4,261 คน นั่นหมายว่าที่ผ่านมาญี่ปุ่นมีผู้เสียชีวิตจากการฆ่าตัวตาย มากกว่าป่วยด้วยโรคดังกล่าว
ในช่วงของการระบาดระลอก 3 นี้ นายกรัฐมนตรีโยชิฮิเดะ ซูงะ(Yoshihide Suga) ได้ประกาศภาวะฉุกเฉินในกรุงโตเกียว และอีกหลายจังหวัดอีกครั้ง เพื่อควบคุมการระบาดของ COVID-19 ไม่ให้แพร่ไปในวงกว้าง อย่างไรก็ตาม ทาโร โคโนะ (Taro Kono) รัฐมนตรีต่างประเทศของญี่ปุ่น กล่าวว่า แม้รัฐบาลจะพิจารณาการขยายสถานการณ์ฉุกเฉิน แต่ประกาศดังกล่าวจะไม่สามารถหยุดยั้งการดำเนินเศรษฐกิจได้
เหตุผลที่รัฐบาลญี่ปุ่นให้คำมั่นเช่นนี้เป็นเพราะว่า ที่ผ่านมา มีชาวญี่ปุ่นหลายคนที่ฆ่าตัวตาย จากสาเหตุการตกงาน สูญเสียรายได้ และมองไม่เห็นความหวังในอนาคต ดังนั้นรัฐบาลจึงจำป็นต้องสร้างสมดุลระหว่างการจัดการโรคระบาด และการประคองเศรษฐกิจให้อยู่รอดต่อไป เพื่อไม่ส่งผลกระทบต่อคุณภาพชีวิตของประชาชน
อ้างอิงจาก
https://www.japantimes.co.jp/news/2021/01/17/national/social-issues/japan-coronavirus-suicide/
#Brief #TheMATTER