คุณทราบหรือไม่ว่า แอมะซอนกำลังเผชิญหน้าอยู่กับการตัดไม้ทำลายป่าที่วิกฤตสุดเป็นประวัติกาล และจากเรื่องดังกล่าว ผู้นำชนเผ่าในแอมะซอนกำลังเตรียมฟ้องร้องประธานาธิบดีของพวกเขา ต่อศาลอาญาระหว่างประเทศในข้อหา ‘อาชญากรรมต่อมวลมนุษยชาติ’
ฌาอีร์ โบลโซนารู (Jair Bolsonaro) ประธานาธิบดีของบราซิลอาจจะถูกตั้งข้อหาอาชญากรรมต่อมวลมนุษยชาติ จากศาลอาญาระหว่างประเทศ (ICC) หลังผู้นำชนเผ่า 2 เผ่าในบราซิลกำลังผลักดันให้เกิดการฟ้องร้องเขา จากผลนโยบายของโบลโซนารู ที่ละเลยปัญหาสิ่งแวดล้อม อีกทั้งส่งเสริมให้มีการตัดไม้ทำลายป่า ตลอดจนการละเมิดสิทธิ ไปจนถึงการฆ่าชนพื้นเมืองในป่าแอมะซอน
วิลเลียม บูวร์ตง (William Bourdon) ทนายความในฝรั่งเศส รับเรื่องจาก ฮาวนี เมตุกตาร์ย (Raoni Metuktire) หัวหน้าเผ่าคายาโป และ อัลเมียร์ นารายาโมกา (Almir Narayamoga) หัวหน้าเผ่าไปเตอร์ ซูรุย ในป่าลึกแอมะซอน เพื่อเตรียมยื่นฟ้องประธานาธิบดีบราซิล โดยบูวร์ตงออกมาให้สัมภาษณ์ว่า เขาจำเป็นจะต้องรีบทำให้ศาลอาญาระหว่างประเทศเปิดการสืบสวนเรื่องนี้ให้เร็วที่สุด เพราะ “เรากำลังวิ่งแข่งอยู่กับเวลา ซึ่งมันคือการทำลายล้างป่าแอมะซอน”
โบลโซนารู เคยเป็นอดีตนายพลในกองทัพของบราซิล ก่อนที่เขาจะได้รับการเลือกตั้งขึ้นมาเป็นประธานาธิบดีใน ค.ศ.2019 โบลโซนารูเป็นผู้นำที่มีแนวคิดฝ่ายขวาสุดโต่ง และเขาไม่มีนโยบายที่ตอบรับกับวิกฤตการณ์การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศของโลก ตั้งแต่เขาเข้ารับตำแหน่ง มีรายงานว่าพื้นที่ป่าของแอมะซอนถูกรัฐบาลปล่อยให้มีการตัดไม้ทำลายป่าสูงขึ้นกว่า 50 เปอร์เซ็นต์ นับตั้งแต่ ค.ศ.2008
มากไปกว่านั้น จากรายงานเมื่อ ค.ศ.2019 พื้นที่ของชนพื้นเมืองในแอมะซอนถูกรุกล้ำเพิ่มขึ้นกว่า 135 เปอร์เซ็นต์ และเมื่อปีก่อน มีรายงานการฆ่าชนพื้นเมืองในแอมะซอนไปแล้วกว่า 18 ราย ยังไม่นับรวมถึงการสั่งปรับเงินในคดีที่เกี่ยวกับสิ่งแวดล้อมในบราซิล ที่ตกลงไปกว่า 42 เปอร์เซ็นต์ ตลอดจนการตัดงบประมาณด้านสิ่งแวดล้อมของรัฐบาลลงไปอีก 27.4 เปอร์เซ็นต์
อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านี้ สหประชาชาติได้สนับสนุนศาลอาญาระหว่างประเทศดำเนินคดีอาชญากรรมต่อมวลมนุษยชาติ เพียงแต่เรื่องของการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์และสงครามเท่านั้น ก่อนที่พวกเขาจะถูกวิพากษ์วิจารณ์ว่าศาลอาญาระหว่างประเทศ ควรจะขยายบริบทของคำว่า ‘อาชญากรรมต่อมวลมนุษยชาติ’ ให้กว้างมากยิ่งขึ้นกว่าเดิม จนลงเอยที่เมื่อ ค.ศ.2016 ศาลอาญาระหว่างประเทศจึงขยายการตีความอาชญากรรมต่อมวลมนุษยชาติที่นับรวมถึงคดีอาชญากรรมในด้านสิ่งแวดล้อมและวัฒนธรรมขนาดใหญ่ ทำให้ทนายความอย่างบูวร์ตงมั่นใจว่าพวกเขาจะสามารถเอาผิดโบลโซนารูได้
ทั้งนี้ กลุ่มองค์กรไม่แสวงผลกำไรและนักกฎหมายทั้งในสหรัฐฯ บราซิล และฝรั่งเศส ได้รวบรวมเอกสารหลักฐานต่างๆ ออกมาเป็นรายงานจำนวน 68 หน้า เพื่อมัดตัวโบลโซนารูในข้อหาอาชญากรรมต่อมวลมนุษยชาติ ซึ่งประกอบไปด้วยการฆ่าชนพื้นเมือง การบังคับไล่ที่ และการดำเนินคดีที่ไม่เป็นธรรมต่อชนพื้นเมืองในบราซิล เช่นเดียวกับนโยบายด้านสิ่งแวดล้อมภายใต้ยุคสมัยของโบลโซนารู ที่ถูกละเลยจนนักวิทยาศาสตร์หลายสำนักออกมาเตือนว่า โบลโซนารูอาจทำให้แอมะซอนเปลี่ยนสภาพจากป่าฝนในเขตร้อน กลายเป็นทุ่งหญ้าเมืองร้อนแบบสะวันนาได้ ซึ่งมันอาจเป็นมหันตภัยร้ายแรงต่อคนทั้งโลกในท้ายสุด
คดีดังกล่าวอยู่ในขั้นเริ่มแรกที่กำลังถูกผลักดัน และยื่นฟ้องร้องต่อศาลอาญาระหว่างประเทศในกรุงเฮก ประเทศเนเธอร์แลนด์ ซึ่งเราอาจจะต้องติดตามอย่างใกล้ชิดต่อไปว่า โบลโซนารูจะกลายเป็นผู้นำ ที่ถูกตั้งข้อหาอาชญากรรมต่อมวลมนุษยชาติที่เกิดจากการทำลายสิ่งแวดล้อมหรือไม่
อ้างอิงจาก
#Brief #TheMATTER