แม้ปีนี้สถานการณ์หนังจอยักษ์จะยังซบเซา แต่วอลท์ ดิสนีย์ แอนิเมชั่น สตูดิโอส์ ค่ายแอนิเมชั่นเจ้าใหญ่ก็ยังเตรียมพร้อมปล่อยแอนิเมชั่นเรื่องใหม่ หลังจาก Frozen 2 ที่ฉายไปเมื่อปลายปี ค.ศ.2019 ประสบความสำเร็จไม่น้อย
ครั้งนี้ดิสนีย์กลับมาพร้อมกับการเล่าเรื่องในกลิ่นอายของชาวเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ผ่าน ‘Raya and the Last Dragon – รายากับมังกรตัวสุดท้าย’ ซึ่งเป็นเรื่องราวของ ‘รายา’ นักรบผู้สันโดษ ที่ต้องช่วยเหลือดินแดนคูมันตราไว้ไม่ให้ล่มสลายด้วยการตามหามังกรตัวสุดท้ายเพื่อมาฟื้นฟูแผ่นดินที่แตกระแหงและรวมใจผู้คนที่แตกแยกเป็นฝักฝ่ายให้เป็นหนึ่งเดียวกัน
The MATTER ได้พูดคุยกับ ฝน-วีระสุนทร หัวหน้าฝ่ายเรื่องราวและทีมนักวาดภาพของเรื่องนี้ ซึ่งเธอได้เล่าถึงความตื่นเต้นหลังจากจะได้เอาวัฒนธรรมของเอเชียตะวันอออกเฉียงใต้มาเป็นธีมหลักในเรื่องนี้
“ตอนแรกดิสนีย์มีแค่โครงเรื่องคร่าวๆ ถึงแม่น้ำกับเมืองห้าเมืองที่แบ่งพื้นที่กันอยู่บริเวณแม่น้ำ แล้วก็อยากให้คนรู้สึกถึงความร่วมมือร่วมใจกัน พอเขาเสนอมา เราก็รู้สึกว่ามันคือความรู้สึกของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้มากๆ และยิ่งรู้สึกว่ามันตรก็เพราะเรานึกถึงแม่น้ำโขงด้วย” ฝนเล่าให้เราฟังพร้อมกับน้ำเสียงตื่นเต้น
ซึ่งหนังเรื่องนี้แม้จะเป็นเมืองสมมติ แต่การรีเสิร์ชก็ไม่น้อยหน้า เพราะทีมผู้สร้างสองกลุ่มได้เดินทางไปค้นคว้าข้อมูลทั่วทั้งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ทั้งลาว อินโดนีเซีย ไทย เวียดนาม กัมพูชา มาเลเซียและสิงคโปร์ เพื่อสัมผัสกับวัฒนธรรมต่างๆ ซึ่งพวกเขาเองได้มองเห็นความเป็นชุมชนและความไว้เนื้อเชื่อใจ ซึ่งเหมาะกับเนื้อเรื่องนี้
ฝนเล่าให้เราฟังต่อถึงการทำงานที่ต้องผ่านการพูดคุยกันค่อนข้างเยอะ “เราร่วมงานกับนักมนุษยวิทยาในการรีเสิร์ชข้อมูล แล้วก็มีน้องสถาปนิกคนไทยอีกคนที่มีความรู้ทั้งภูมิภาค คุยกันแล้วก็เห็นว่าเรามีศาสนา ความเชื่อ ภูมิอากาศ ซึ่งสิ่งเหล่านี้ส่งผลต่อการดีไซน์ของใช้ ตึกรามบานช่อง เสื้อผ้า ซึ่งเป็นประโยชน์กับหนังของเราที่แม้จะไม่ได้มีศาสนาพุทธ ฮินดู แต่เรามีจักรวาลวิทยาเป็นของเราเอง ซึ่งก็เอาข้อมูลตรงนี้มาแปลเป็น visual language ของคูมันตรา เมืองในหนังเรื่องนี้
ซึ่งเธอยังได้เน้นย้ำว่า “เราสนุกกับการได้แชร์วัฒนธรรมของเราในที่ทำงานทุกวัน”
“หลังดูหนังจบเราก็อยากให้คนที่ได้ดูหนังเรื่องนี้ กลับไปให้โอกาสคนที่เราอาจจะเคยตัดขาดออกไปจากชีวิตเรา ลองให้โอกาสเขาอีกครั้งนึง ให้ความไว้เนื้อเชื่อใจก่อน เพื่อที่จะได้ความไว้เนื้อเชื่อใจกลับมา แล้วเราก็อยากให้ได้ลองดู เพราะเราไม่เคยได้เห็นวัฒนธรรมของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ในจอใหญ่ขนาดนี้มาก่อน ดูจบเราก็อยากให้รู้สึกว่าเราเองก็มีที่ยืนในวัฒนธรรม สังคมนะ และอาจจุดประกายให้น้องๆ หรือใครบางคนได้มีความมั่นใจที่จะสร้างคอนเทนต์จากวัฒนธรรมของเขาเองที่ไม่จำเป็นต้องเป็นคอนเทนต์ที่คนทั่วโลกอยากดู” เธอทิ้งท้ายกับเราถึงสิ่งที่อยากให้คนดูได้มองเห็นและอาจเป็นแรงบันดาลใจเล็กๆ น้อยๆ เมื่อได้ลองสัมผัสหนังเรื่องนี้
Raya and the Last Dragon – รายากับมังกรตัวสุดท้าย จะเข้าฉายในโรงภาพยนตร์วันที่ 4 มีนาคมนี้ เตรียมจดไว้ในปฏิทินได้เลย