ยังคงเป็นที่ถกเถียงระหว่างนานาประเทศอย่างต่อเนื่อง สำหรับประเด็นการปฏิบัติของจีนต่อชนกลุ่มน้อยอุยกูร์ ซึ่งหลายๆ ชาติ รวมถึงสหรัฐฯ ลงความเห็นว่าพฤติกรรมของรัฐบาลจีนนั้นเป็น ‘การฆ่าล้างเผ่าพันธ์ุ’ อย่างไรก็ตาม รัฐมนตรีต่างประเทศของจีนระบุว่าข้อกล่าวหาดังกล่าวเป็นเรื่องไร้สาระ
หวังอี้ (Wang Yi) รัฐมนตรีต่างประเทศของจีนได้กล่าวถึงประเด็นดังกล่าวในการแถลงเมื่อวันที่ 7 มีนาคมที่ผ่านมา โดยระบุว่า ข้อกล่าวหาของต่างชาติที่ระบุว่าจีนฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ชาวมุสลิมอุยกูร์นั้นเป็น “เรื่องโป้ปดมดเท็จ” และ “ไร้สาระ”
“สิ่งที่เรียกว่า ‘การฆ่าล้างเผ่าพันธุ์’ ในซินเจียงเป็นเรื่องไร้สาระอย่างน่าขันมันเป็นข่าวลือที่มีเจตนาแอบแฝง และเป็นการโกหกโดยสิ้นเชิง” หวังอี้กล่าว
ที่ผ่านมา มีหลักฐานชี้ชัดว่าหน่วยงานรัฐของจีนทารุณกรรมชนกลุ่มน้อยที่พำนักอยู่ในค่ายปรับทัศนคติซินเจียง (Re-Education Camp)โดยข้อมูลจากสำนักข่าว BBC ระบุว่า เจ้าหน้าที่รัฐของจีนบังคับให้หญิงชาวอุยกูร์ทำหมันโดยไม่เต็มใจ อีกทั้งยังมีการแยกเด็กๆ ออกจากครอบครัว
นอกจากนี้ ชาวอุยกูร์ยังถูกบังคับใช้แรงงาน ถูกข่มขืน และการทรมาน ซึ่งหลังจากสถานีโทรทัศน์ BBC World News เสนอเนื้อหาเหล่านี้ไป จีนได้สั่งแบนการออกอากาศเนื้อหาเกี่ยวกับชาวอุยกูร์ รวมถึงการแพร่ระบาดของโคโรนาไวรัสที่เชื่อมโยงต้นตอจากประเทศจีน
องค์การสหประชาชาติเองก็ได้ออกมาเปิดเผยว่า มีชาวมุสลิมอย่างน้อย 1 ล้านคนที่ถูกกักตัวอยู่ในค่ายปรับทัศนติ ซึ่งจีนอ้างว่าเป็นค่ายฝึกฝนอาชีพ และกำจัดลัทธิหัวรุนแรง ขณะที่สหรัฐฯ, แคนาดา และเนเธอแลนด์ ต่างลงความเห็นเป็นเอกฉันท์ว่า การกระทำของเจ้าหน้าที่รัฐจีนต่อชนกลุ่มน้อยอุยกูร์เป็นการฆ่าล้างเผ่าพันธ์ุ
ในช่วงเดือนมกราคมที่ผ่านมา สหรัฐฯ ระบุว่า การฆ่าล้างเผ่าพันธ์ุในจีนยังคงดำเนินอยู่ และสหรัฐฯ มองเห็นความพยายามในการทำลายชาวอุยกูร์ของรัฐภาคีจีน ขณะที่หวังอี้ เรียกร้องในการแถลงเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมาให้สหรัฐฯ ปรับเปลี่ยนมาตรการเกี่ยวกับประเด็นดังกล่าว เพื่อพัฒนาความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ
“หวังเป็นอย่างยิ่งว่าสหรัฐฯ และจีนจะพบกันครึ่งทางและยกเลิกข้อจำกัดที่ไม่สมเหตุสมผลต่างๆ ที่เป็นอุปสรรคต่อความร่วมมือระหว่างจีน – สหรัฐฯ ให้เร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้และไม่สร้างอุปสรรคใหม่ๆ ขึ้นมา” หวังอี้กล่าว
อ้างอิงจาก
https://www.bbc.com/news/world-asia-china-56311759