แม้ว่า COVID-19 จะทำให้หลายกลุ่มธุรกิจเผชิญหน้ากับยอดขายและรายได้ที่ลดลง แต่กลุ่ม wearable devices (อุปกรณ์สวมใส่อัจฉริยะ) ดูจะเป็นข้อยกเว้น
.
ไม่นานมานี้ The MATTER ได้แวะไปงานเปิดสำนักงานของ GARMIN Thailand อย่างเป็นทางการ หลังจากที่ทางแบรนด์เข้ามาเปิดออฟฟิศในไทยเมื่อสี่เดือนที่แล้ว เพื่อพูดคุยถึงทิศทางต่อไปของ GARMINในการตีตลาดไทยนับจากวันนี้ จนไปถึงอนาคตข้างหน้า หลังจากในปี 2563 ที่ผ่านมา การ์มินทำรายได้ทั่วโลกกว่า 125,700 ล้านบาท สูงที่สุดในประวัติศาสตร์ยอดขายบริษัท พร้อมอัตราการเติบโตทางยอดขายกว่าปีก่อนหน้าที่ 11%
.
– เพราะโรคระบาดทำให้สุขภาพมาเป็นเรื่องหลัก –
.
มิสซี่ ยาง ผู้จัดการฝ่ายการตลาดของการ์มิน ประจำภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ บอกว่า โรคระบาดทำให้พฤติกรรมผู้บริโภคเปลี่ยนไปสิ้นเชิง โดยหันมาสนใจเรื่องของผลลัพธ์การออกกำลังกายและการมอนิเตอร์สุขภาพมากขึ้น ดังนั้นพวกอุปกรณ์ไลฟ์สไตล์ เช่น นาฬิกาตรวจวัดสุขภาพของการ์มิน จึงได้รับความสนใจอย่างมาก
.
ซึ่งกระแสของคนไทยที่สนใจการใช้ชีวิตแอคทีฟ หรือกีฬา เพิ่มขึ้น โดยจากตัวเลขสถิติที่การ์มินเก็บจากแพลตฟอร์มบอกว่า คนไทยสนใจกิจกรรมในร่มมากขึ้นถึง 55% โดยเฉพาะคาร์ดิโอในร่ม โยคะ
.
และกิจกรรมเอาท์ดอร์ มีความสนใจมากขึ้น 25% โดยเฉพาะในกลุ่มกอล์ฟ (ยอดขายอุปกรณ์โต 170%) จักรยาน (ยอดขายอุปกรณ์โต 60%) และการดำน้ำ (ยอดขายอุปกรณ์โต 80%)
.
– ความน่าสนใจของตลาดไทยในสายตาการ์มิน –
.
สกาย เชน ผู้อำนวยการการ์มิน ประเทศไทย บอกว่า ที่เลือกมาเปิดออฟฟิศในประเทศไทย เพราะประเทศไทยเป็นตลาดที่มีความเฉพาะตัว ผู้บริโภคให้การตอบรับสินค้าใหม่เสมอๆ และตื่นตัวกับการออกสินค้าใหม่ของการ์มินทุกการเปิดตัว อย่างนาฬิกาสวมใส่อัจฉริยะขนาดเล็กที่เพิ่งเปิดตัวไป รุ่น Lily เน้นเจาะกลุ่มผู้หญิง ก็ได้รับความสนใจในตลาดไทยมากกว่าในประเทศอื่น
.
โดยการมาเปิดสำนักงานอย่างเป็นทางการในประเทศไทย ทางการ์มินมีเป้าหมาย 4 อย่าง กับแนวคิด Every Beat of Life คือ
.
Verticle Integration การควบคุมคุณภาพสินค้า การทำการตลาดเซอร์วิส ตั้งแต่ต้นน้ำยันปลายน้ำโดยคนของการ์มินเอง เพื่อปรับตามพฤติกรรมบริโภคของลูกค้าการ์มินให้ทัน
.
Expand Brand Presence in Each Market ทำให้การ์มินตอบโจทย์ลูกค้าอย่างเฉพาะเจาะจง เช่น กีฬากอล์ฟ ดำน้ำ โดยทำการตลาดเจาะทั้ง B2B, B2C พร้อมขยายผลลัพธ์ของ Garmin Health Solutions ไปสู่ธุรกิจสุขภาพ เช่น ประกันภัย
.
User Experience Enhancement การทำกิจกรรมใหม่ๆ ร่วมกับลูกค้า เช่น การจัด Garmin Run Club คอมมูนิตี้นักวิ่ง ที่เชื่อมกูรูการวิ่งกับนักวิ่งไว้ด้วยกัน
.
Seamless Service Experiences การบริการที่ครอบคลุมคนไทยทั่วภูมิภาค ตั้งแต่หน้าร้านไปจนถึงหลังการขาย เช่น Drop -off points กว่า 300 จุด รวมถึงทีมคอลเซ็นเตอร์คอยให้บริการ
.
– อะไรบ้างที่การ์มินจะทำการตลาด –
.
อันที่จริงแล้ว คนส่วนใหญ่จะรู้จักการ์มินจากนาฬิกาอัจฉริยะ แต่จริงๆ แล้วการ์มินมีกิจการอยู่ 5 ประเภทด้วยกันคือ ธุรกิจการบิน/ ยานยนต์/ การเดินทะเล/ ฟิตเนส และกิจกรรมกลางแจ้ง
.
โดยประเภทยานยนต์ การบิน หรือการเดินทะเลนั้น ส่วนใหญ่จะเป็นสินค้าประเภทอุปกรณ์นำทาง
.
ซึ่งสกาย เชน บอกว่า ในการตีตลาดไทย การ์มินจะให้ความสำคัญ 90% กับตลาดสินค้าประเภท wearable devices เช่น นาฬิกาอัจฉริยะ เป็นต้น ซึ่งในอนาคตก็อยากร่วมงานกับธุรกิจท้องถิ่นในไทยมากขึ้น เช่น นักออกแบบชาวไทย
.
อย่างปัจจุบัน ก็เรียกได้ว่าการ์มินเป็นผู้นำ wearable devices แทร็กด้านสุขภาพในตลาดไทยอยู่แล้ว โดยพิสูจน์จากงานวิ่ง ‘บางแสน 42 ชลบุรี มาราธอน’ ซึ่งการ์มินไปเก็บข้อมูลมา พบว่า
.
“เราแทร็กข้อมูลมาพบว่า 75% ของนักวิ่งฟูลมาราธอน และนักวิ่ง 50% ของฮาล์ฟมาราธอน ใช้นาฬิกาของการ์มิน ซึ่งการที่นักวิ่งฟูลมาราธอนมีอัตราใช้นาฬิกาของเรามากกว่า คงเป็นเพราะเป็นกลุ่มนักวิ่งที่ซีเรียสมากกว่า แต่ตัวเลขจำนวนนี้ ก็ทำให้เราบอกได้ว่า เราเป็นผู้นำของตลาดนาฬิกาอัจฉริยะของประเทศในตอนนี้”
.
แต่ก็ไม่มองข้ามโอกาสในกิจการประเภทอื่น เช่น จีพีเอสนำทางสำหรับรถยนต์ ซึ่งประเทศไทยก็เป็นฮับของการผลิตรถยนต์อยู่แล้ว
.
โดยเป้าหมายการเติบโตของแบรนด์ในปี 2564 นี้ทางการ์มินก็ตั้งเป้าไว้ที่ราว 10% เหมือนกับปีที่ผ่านมา และคิดว่าเป็นเป้าหมายที่เป็นไปได้
.
โดยปัจจุบัน ช่องทางการขายในไทย นอกจากช่องทางขายเก่าที่ทำร่วมกับ GIS Co., Ltd. ที่เน้นส่งขายร้านเฉพาะทาง พอทางการ์มินมาเปิดสำนักงานหลักเองในไทย ก็ได้ร่วมมือเพิ่มเติมกับเครือ CMG ส่งขายตามห้างสรรพสินค้าด้วย
.