คลองสุเอซเป็นคลองที่มีการขนส่งสินค้ามากที่สุด และมีความสำคัญกับภาคธุรกิจในระดับโลก ดังนั้นเหตุการณ์เรือสินค้าขนาดยักษ์ลำหนึ่งถูกกระแสลมพัดจนขึ้นเกยฝั่ง ปิดเส้นทางคลองสุเอซทั้งหมด ส่งผลให้เรือกว่า 150 ลำที่ติดอยู่ภายในไม่สามารถสัญจรออกไปได้ จึงสร้างความเสียหายในระดับที่เรียกได้ว่า ‘มหาศาล’
เรือขนส่งสินค้า Ever Given ในเครือบริษัทเอเวอร์กรีน (Evergreen) ที่มีความยาวเรือกว่า 400 เมตร เป็นสาเหตุที่ทำให้ธุรกิจการค้าทางเรือทั่วโลกหยุดชะงัก หลังเมื่อช่วงเช้าของวันที่ 23 มีนาคมที่ผ่านมา เกิดกระแสลมแรง ทำให้เรือ Ever Given ที่กำลังแล่นเข้ามาคลองสุเอซถูกพัดจนขึ้นไปเกยชายฝั่ง และปิดเส้นทางสัญจรทั้งหมด สร้างความกังวลใจให้กับธุรกิจชิปปิ้งทั่วโลก เพราะนี่เป็นครั้งแรกในรอบ 150 ปีที่เกิดเหตุการณ์เช่นนี้ นับตั้งแต่มีการขุดคลองสุเอซขึ้น
โบสกาลิส (Boskalis) บริษัทกู้เรือสัญชาติดัตช์ ซึ่งรับหน้าที่กอบกู้เรือ Ever Given เรียกเหตุการณ์นี้ว่า “วาฬเกยตื้น” เนื่องจากเรือ Ever Given มีขนาดใหญ่มาก สามารถบรรทุกตู้คอนเทนเนอร์ได้ 20,000 ตู้ และมีน้ำหนักถึง 200,000 ตัน
ปีเตอร์ เบอร์ดาวสกี (Peter Berdowski) ซีอีโอของบริษัท เปิดเผยว่า การกู้เรือลำนี้เป็นงานที่ยาก โดยจะต้องเริ่มต้นด้วยการลดน้ำหนักเรือ นำน้ำมัน และน้ำออกจากเรือ จากนั้นขุดทรายที่เรือติดอยู่ และลากมันออกมา ซึ่งกระบวนการเหล่านี้อาจต้องใช้เวลา ‘หลายสัปดาห์’
สำหรับมูลค่าความเสียหายที่เกิดขึ้น วารสาร Lloyd’s List เปิดเผยว่า เหตุการณ์นี้ส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมการขนส่งทางเรือ คิดเป็นมูลค่าอยู่ที่ประมาณ 9.6 พันล้านดอลลาร์ต่อวัน หรือราวๆ 2.9 แสนล้านบาท เนื่องจากแต่ละวันคลองสุเอซมีตู้คอนเทนเนอร์สัญจรผ่านราว 30% ของทั้งโลก ซึ่งคิดเป็น 12% ของการค้าทั่วโลก
ด้านบริษัท โชเอะ คิเซ็น ไคฉะ (Shoei Kisen Kaisha) บริษัทญี่ปุ่นเจ้าของเรือ Ever Given ได้ออกมาแถลงการณ์ขอโทษเหตุการณ์ดังกล่าว โดยระบุว่า บริษัทขออภัยสำหรับอุบัติเหตุ และความเสียหายที่เกิดขึ้น พร้อมเปิดเผยว่า ในความโชคร้ายยังมีโชคดีที่เหล่าลูกเรือไม่มีใครได้รับบาดเจ็บ และยืนยันว่าจะเร่งหาวิธีกู้เรืออย่างเร็วที่สุด เพื่อให้เส้นทางคลองสุเอซกลับมาใช้งานได้ปกติ แต่ด้วยความที่สภาพอากาศที่ไม่เป็นใจ ก่อนหน้าที่จึงระงับการปฏิบัติภารกิจชั่วคราว แต่ตอนนี้เรือลากจูงทั้ง 8 ลำ ได้เดินทางกลับมาปฏิบัติภารกิจต่อแล้ว
สำหรับความคืบหน้าล่าสุด สำนักข่าว The Guardian รายงานว่าบริษัทเดินเรือทั่วโลกต้องเปลี่ยนเส้นทางการเดินเรือไปใช้เส้นทางอื่นๆ อาทิ แหลมกู๊ดโฮป (Cape of Good Hope) แทนอย่างไม่มีทางเลือก แม้ว่าจะต้องใช้เวลาการเดินทางมากกว่าคลองสุเอซเกือบ 2 สัปดาห์ก็ตาม
ขณะที่ลูคัส สมิทท์ (Lucas Schmitt) นักวิเคราะห์จากบริษัทที่ปรึกษาชื่อดังในอุตสาหกรรมพลังงานอย่าง วู้ด แม็คเคนซี (Wood Mackenzie) ออกมาแสดงความเห็นว่า เหตุการณ์นี้ส่งผลกระทบธุรกิจพลังงานอย่างมาก โดยเฉพาะน้ำมัน และก๊าซที่ต้องเลื่อนการขนส่งออกไป ซึ่งอาจส่งผลต่อเนื่องให้ราคาน้ำมันทั่วโลกปรับตัวสูงขึ้นในเร็ววัน
อ้างอิงจาก
https://apnews.com/…/cargo-ship-stuck-suez-canal-egypt…
https://www.theguardian.com/…/suez-canal-ship-stuck…
https://www.vice.com/…/suez-canal-ms-ever-given…
https://www.businessinsider.com/ship-stuck-suez-canal…