เฟซบุ๊ก (FACEBOOK) ประเทศไทย เปิดเผยเทรนด์ผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไป และเทรนด์การช้อปปิ้งในอนาคต ซึ่งเกิดจากการระบาดของ COVID-19 โดยเฟซบุ๊กร่วมทำเซอร์เวย์กับ Ipsos ผ่านผู้บริโภคจำนวน 12,500 คนอายุ 18-64 ปี (มีจำนวนคนไทย 1,000 คน) ในช่วงเดือนสิงหาคมถึงกันยายน ค.ศ.2020
“เราอยู่ในโหมด Fast forward เราเคยคิดว่าความเป็นดิจิทัลจะเปลี่ยนสังคมภายใน 5 ปี แต่ปีที่แล้วเราเห็นได้ว่าการปรับตัว Digital transformation ทั้งของธุรกิจและผู้บริโภคนั้น เกิดขึ้นในเวลาไม่กี่เดือน” แพร ดำรงค์มงคลกุล Country Director ของเฟซบุ๊ก ประเทศไทย กล่าว
เฟซบุ๊กระบุว่า ปัจจุบันมี ‘5C’ 5 เทรนด์โซเชียลมีเดียสำคัญระดับโลกที่กำลังเกิดขึ้น หลายเทรนด์ เป็นเทรนด์ที่เอเชียตะวันออกเฉียงใต้เป็นผู้นำขับเคลื่อนกระแส และทำให้เกิดความนิยมผู้บริโภคในประเทศอื่นๆ ด้วย ดังนี้
Commerce การซื้อขายผ่านการทักแชท ประเทศไทยถือเป็นผู้นำเทรนด์การ ‘ทักแชท’ สั่งสินค้าในโลกออนไลน์
Community การรวมตัวของกลุ่มคนบนโลกออนไลน์ ซึ่งปีที่ผ่านมาจะเห็นกลุ่มใหม่ๆ บนสังคมออนไลน์เพิ่มขึ้นเยอะมาก
Connectivity การใช้เทคโนโลยีต่างๆ เชื่อมต่อเพื่อเสริมประสบการณ์บนโลกของออนไลน์ ทั้ง AR และ VR
Curation เทคโนโลยีช่วยให้การนำเสนอเนื้อหาตรงกับความต้องการของบุคคลแต่ละคน
Culture ผู้คนให้ความสำคัญกับการดำเนินชีวิตแต่ละวัน ทั้งการทำงานและการใช้ชีวิตมากขึ้น จากกระแส Work Form Home
จากพฤติกรรมบนโซเชียล เฟซบุ๊กเคาะออกมาเป็น 3 เทรนด์ธุรกิจที่นิยามถึงผู้บริโภคยุคปัจจุบันได้ดีที่สุด ดังนี้
‘The Convenience Gap’ ผู้บริโภคคำนึงถึงความสะดวกสบายเป็นหลัก
ความสะดวกสบายเป็นเรื่องที่ทุกคนต้องการ และเป็นสิ่งที่แบรนด์จะต้องให้กับลูกค้า ตั้งแต่ COVID-19 ผู้บริโภคมีความกดดันกับเรื่องเวลามากขึ้น มีหลายสิ่งที่ใช้เวลากับมันมากขึ้น เช่น การใช้เวลาทำงานที่บ้าน งานบ้าน ฯลฯ พวกเขาจึงค้นหาหนทางว่าจะทำยังไงให้สามารถทำให้ง่ายขึ้นได้, 89% ของคนไทยบอกว่า ยอมจ่ายเงินเพิ่มขึ้นเพื่อซื้อสินค้าที่ทำให้ชีวิตสะดวกสบายมากขึ้น ขณะที่ 94% บอกว่า พวกเขาคำนึงถึงเรื่องความสบายพอๆ กับเรื่องราคา เวลาตัดสินใจซื้อของ
ซึ่งผู้ตอบแบบสอบถามระบุว่า หากได้เวลาที่เพิ่มมากขึ้น อยากจะใช้เวลากับคนที่รัก ออกกำลังกาย และหาความรู้ใหม่ๆ ตามลำดับ
‘The Participation Paradigm’ การมีส่วนร่วมของผู้บริโภค
ผู้บริโภค 86% อยากใกล้ชิดกับแบรนด์มากขึ้น พวกเขาบอกว่าโซเชียลมีเดียจะทำให้พวกเขามีส่วนร่วมกับแบรนด์มากขึ้น
เทรนด์ช้อปปิ้งที่ชัดเจนมากในเมืองไทย และใกล้ชิดกับผู้บริโภคมากๆ คือ Live Shopping ซึ่งแพรบอกว่า ประเทศไทยถือเป็นผู้นำระดับโลกเลยทีเดียว และยิ่งได้รับความนิยมมากขึ้นเมื่อโรคระบาดมาเยือน ขณะที่ 65% ของผู้บริโภคได้ทดลองซื้อของผ่านไลฟ์สดในปีที่ผ่านมา ขณะเดียวกันผลเซอร์เวย์ก็บอกว่า การขายผ่านไลฟ์สดทำให้ลูกค้าเกิดความ Loyalty ต่อแบรนด์สูงมาก
อีกหนึ่งเทรนด์ที่สำคัญคือการใช้เทคโนโลยี Augmented Reality ในการเข้าหาลูกค้า เช่นในช่วงล็อกดาวน์ แบรนด์ลอรีอัล ปารีส ได้ใช้ AR ทำให้ลูกค้าลองเทียบสีลิปสติกบนใบหน้าตัวเองได้ ซึ่งเป็นวิธีที่ทำให้ลูกค้าได้เข้าถึงแบรนด์มากขึ้นในอีกทางหนึ่ง
‘The Digital Gathering’ การเกิดขึ้นของกลุ่มและชุมชนออนไลน์ เป็นการรวมกลุ่มของคนที่ชอบสิ่งเดียวกัน ซึ่งใน 2-3 ปีที่ผ่านมา จะเห็นได้ว่าผู้คนเริ่มค้นพบกลุ่มที่ตัวเองชอบและเข้าเป็นสมาชิก เช่น กลุ่มคนรักต้นไม้ กลุ่มรถยนต์รุ่นเดียวกัน กระทั่งกลุ่มคุณพ่อคุณแม่ที่ต้อง WFH
กลุ่มออนไลน์ในเฟซบุ๊กถือเป็นคอมมูนิตี้ที่ใหญ่มาก มีผู้คนกว่า 1,800 ล้านคนที่เป็นสมาชิกกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง ในกว่า 35 ล้านกลุ่มด้วยกัน ซึ่ง Group เป็นโอกาสของแบรนด์ต่างๆ เหมือนกันในการเข้าถึงลูกค้าตัวเอง
FYI: ปัจจุบัน จำนวนผู้ใช้เฟซบุ๊กประเทศไทย แอคทีฟอยู่ที่ 62 ล้านคนต่อเดือน และ 45 ล้านคนต่อวัน ขณะที่มีจำนวน Group ในประเทศไทยอยู่ราว 6 ล้านกลุ่ม