เรียกได้ว่าช่วงนี้บนหน้าฟีด ประเด็นเรื่องวัคซีนถือว่าร้อนแรงมาก เพราะมันเกี่ยวข้องกับความเป็นความตายของชีวิตผู้คนไม่ทางตรงก็ทางอ้อม
.
ทางตรงคือการติดเชื้อ ‘โรคระบาด’
.
ส่วนทางอ้อมคือพิษจากเศรษฐกิจที่ซบเซา คนทำมาหากินไม่ได้ เพราะไม่สามารถใกล้ชิดกันได้ จาก COVID-19 ที่ทวีความรุนแรงมากขึ้น
.
หลายสถาบันการเงินปรับลดคาดการณ์จีดีพีปีนี้ของประเทศไทยทันทีที่มีการประกาศใช้มาตรการที่เหมือนจะล็อกดาวน์เป็นรอบที่สาม ธนาคารกสิกรไทยคาดการณ์ไว้ว่าจะเติบโต 1.8% (จากเดิม 2.6%) ส่วนเกียรตินาคินภัทรปรับลดเหลือ 2.2% (จากเดิม 2.7%)
.
และทั้งสองธนาคารให้ความเห็นตรงกันว่า ปัจจัยสำคัญที่จะทำให้เศรษฐกิจไทยมาไกลถึงจุดนี้ได้ เป็นเรื่องของ ‘ความล่าช้าของวัคซีน’
.
เพราะวัคซีนเป็นเหมือนกับพาสปอร์ตอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว เมื่อประเทศไทยพึ่งพาการท่องเที่ยวเกินครึ่งของรายได้ การระบาดระลอก 3 พร้อมกับความล่าช้าของวัคซีน ทำให้ความหวังว่านักท่องเที่ยวจะเดินทางมาไทยได้แตะ 1-2 ล้านคนในปี พ.ศ.2564 น่าจะไปไม่ถึงฝันเสียแล้ว อย่างเก่งอาจจะได้สัก 5 แสนคน
.
“การฉีดวัคซีนในไทยถือว่าช้ามากเมื่อเทียบกับประเทศอื่นทำให้เศรษฐกิจไทยเสี่ยงหดตัวเพิ่มเติมได้ตลอดทั้งปี จากทั้ง (1) การระบาดระลอกใหม่หลังจากนี้มีทั้งยังโอกาสเกิดขึ้นได้อีก (2) ความสามารถในการรองรับด้านสาธารณสุขอาจถึงขีดจำกัด (3) แผนการนำเข้าวัคซีนของรัฐบาลไทยยังคงฝากความหวังไว้กับวัคซีนจากแหล่งเดียว (4) แม้เริ่มมีการฉีดวัคซีนแล้วแต่การติดเชื้อไม่ได้ลดลงโดยทันที” ธนาคารเกียรตินาคินภัทร ระบุไว้ใน KKP Reserach
.
ขณะที่ธนาคารกสิกรไทย ระบุในรีเสิร์ชไว้คล้ายกันว่า ‘ภาคการท่องเที่ยวน่าห่วงที่สุด’
.
“ตัวแปรสำคัญคือการเร่งฉีดวัคซีน ซึ่งหากการฉีดวัคซีนมีความล่าช้า ก็มีความเป็นไปได้ที่การแพร่ระบาดจะยืดเยื้อหรืออาจเกิดการแพร่ระบาดอีกระลอก ซึ่งจะมีผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของนักท่องเที่ยวต่างชาติอย่างมาก และทำให้ความหวังของการฟื้นตัวของภาคการท่องเที่ยวให้ทยอยกลับมาเป็นตัวขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยอาจต้องล่าช้าออกไป”
.
“หากจำนวนผู้ติดเชื้อรายวันยังอยู่ในระดับสูงมากกว่าพันคนอย่างต่อเนื่องเป็นเดือนๆ อาจเกิดภาวะระบบสาธารณสุขล่ม และส่งผลทำให้เศรษฐกิจไทยอาจต้องเผชิญกับต้นทุนแฝง (Hidden cost) ที่อาจประเมินค่าไม่ได้…ขณะที่ต้นทุนต่อการดำเนินชีวิตของผู้คนจะเพิ่มขึ้น โดยผู้ป่วยธรรมดาก็ไม่สามารถเข้าถึงระบบสาธารณสุขได้เป็นปกติเหมือนเมื่อก่อน ซึ่งจะส่งผลกระทบทางอ้อมต่อประสิทธิภาพของแรงงานให้ลดลงอย่างรวดเร็ว ดังนั้น ความเสียหายที่เกิดขึ้นอาจจะมีมากกว่าการบริโภคที่ลดลงและรายได้จากการท่องเที่ยวที่หายไป” นี่คือข้อน่ากังวลใจที่ธนาคารกสิกรไทย แสดงความคิดเห็น
.
– Herd Immunity ภูมิคุ้มกันคนและเศรษฐกิจ –
.
OECD บอกไว้ว่า ยิ่งฉีดวัคซีนทั่วโลกได้เร็วเท่าไหร่ เศรษฐกิจก็จะฟื้นเร็วขึ้นเท่านั้น เพราะมันไม่ใช่ว่าฉีดปุ๊บแล้วเศรษฐกิจฟื้นปั๊บ อย่างไรก็ต้องรอเวลา ดังนั้นยิ่งเร็วยิ่งดี
.
โดย OECD คาดการณ์การเติบโตจีดีพีโลกไว้ที่ 5.6% ในปีนี้ และ 4% ในปี ค.ศ.2022 โดยคาดว่าผลผลิตโลกจะกลับมาอยู่ในระดับเดิมก่อนการระบาดภายในกลางปีนี้ แต่ทั้งหมดก็ขึ้นกับการแข่งขันระหว่างความเร็ววัคซีน และสายพันธุ์เกิดใหม่ของไวรัส
.
ลองไปดูที่สหรัฐอเมริกา ที่จากเคยเจอไวรัสระบาดหนัก พวกเขาเดินกลยุทธ์วัคซีนได้ถูกต้องทำให้ตอนนี้กลายเป็นผู้นำการฉีดวัคซีนของโลกไปเรียบร้อยแล้ว
.
สหรัฐอเมริกาฉีดวัคซีนได้วันละ 3 ล้านโดส ซึ่งทำให้คาดการณ์ได้ว่าภายในไตรมาส 2-3 ของปีนี้ สหรัฐฯ จะมี Herd Immunity หรือภูมิคุ้มกันหมู่เต็มตัว
.
ภูมิคุ้มกันหมู่คืออะไร? มันคือรูปแบบการป้องกันการติดต่อของโรคติดเชื้อในประชากร ที่ไม่ใช่การป้องกันโดยตรง ภูมิคุ้มกันหมู่จะเกิดขึ้นเมื่อสัดส่วนของคนในสังคมมีภูมิคุ้มกันมากขึ้นถึงระดับหนึ่ง ทำให้ไวรัสไม่มีโอกาสแพร่ระบาดวงกว้างได้ง่ายๆ ทำให้คนไม่มีภูมิคุ้มกันโรคนั้นๆ ได้รับการปกป้องไปด้วย การคำนวณสัดส่วนว่าภูมิคุ้มกันหมู่จะเกิดขึ้นเมื่อมีผู้ได้รับวัคซีนจำนวนเท่าไหร่? เป็นเรื่องที่ทำไม่ได้ตายตัว ทว่าภูมิคุ้มกันหมู่จะชัดเจนขึ้นเมื่อจำนวนผู้ติดเชื้อลดลงอย่างมีนัยยะสำคัญ
.
ดังนั้นการฉีดวัคซีนให้ประชากรมากที่สุด เร็วที่สุดตอนนี้ คือเรื่องสำคัญและจำเป็น
.
BofA Securities ได้ปรับคาดการณ์การเติบโตเศรษฐกิจสหรัฐอเมริกาไปแล้วในปีนี้ถึง 4 ครั้ง การปรับทั้งหมดขึ้นกับสถานการณ์ต่างๆ ซึ่งต้องยอมรับการเศรษฐกิจสหรัฐฯ มีแนวโน้มฟื้นตัวที่ดี และได้รับการบริหารกระตุ้นเศรษฐกิจอย่างตรงจุดจาก โจ ไบเดน ประธานาธิบดีคนปัจจุบันของสหรัฐฯ ขณะที่เป้าการฉีดวัคซีน 200 โดสของไบเดนก็ผ่านไปได้สวยงามทั้งที่รับตำแหน่งได้ไม่กี่เดือน
.
ส่วนยุโรปน่าจะเข้าสู่ภูมิคุ้มกันหมู่ในไตรมาส 3-4 ของปี และในอาเซียนที่น่าจะไปได้ก่อนใครคือ ‘สิงคโปร์’ ซึ่งน่าจะมีภูมิคุ้มกันหมู่ในไตรมาส 4 ที่จะถึง
.
ส่วนของไทย KKP Research ประมาณการณ์ว่าน่าจะเข้าสู่ Herd Immunity ได้ในช่วง ‘ครึ่งปีหลังของปี ค.ศ.2022’ หรือปีหน้า
.
อย่างไรก็ดี การที่ยุโรปและอเมริกาซึ่งเป็นพื้นที่เศรษฐกิจหลักของโลก ดูจะเปิดประเทศได้ในเร็ววันนี้ จะช่วยหนุนการส่งออกของประเทศขนาดเล็ก ซึ่งประเทศไทยเป็นหนึ่งในนั้น KKP Reserch มองว่าอย่างน้อยที่สุดภาคส่งออกไทยน่าจะเป็นภาคที่ฟื้นตัวได้ดีกว่าธุรกิจอื่นที่พึ่งพาอุปสงค์ในประเทศ
.
แต่การพึ่งพาส่งออกอย่างเดียวก็ดูจะไม่ใช่ทางออกเดียวเสียเท่าไหร่ อย่างที่บอกไปว่าประเทศไทยพึ่งพาการท่องเที่ยวเป็นหลักมาช้านาน ขณะเดียวกันนโยบายเศรษฐกิจอื่นๆ โครงการเงินช่วยเหลือต่างๆ ก็อาจจะเป็นแค่เครื่องมือที่ช่วย ‘ซื้อเวลา’ เท่านั้น
.
ดังนั้น วัคซีนที่รวดเร็ว จึงเป็นนโยบายเดียวที่จะวัดความเป็นความตายชีวิตความเป็นอยู่ของผู้คนในประเทศไทย ในเวลานี้
.
อ้างอิงข้อมูลจาก
.
Content by Narisara Suepaisal
.