จากข้อมูลของสำนักงานเขตคลองเตย พื้นที่เขตคลองเตยประกอบไปด้วยชุมชนทั้งหมด 39 ชุมชน มีประชากรทั้งหมด 88,673 คน และมีพื้นที่ทั้งหมด 881.93 ไร่ หรือเรียกได้ว่าพื้นที่ชุมชุนคลองเตยเป็นพื้นที่แออัดแห่งหนึ่งในกรุงเทพฯ และกำลังน่าห่วงมากขึ้น เมื่อล่าสุดมีข่าวว่าเกิดการแพร่ระบาดของไวรัส COVID-19 โดยถึงขณะนี้มีผลยืนยันว่าพบผู้ติดเชื้อแล้ว 304 ราย และเสี่ยงสูงอีกนับพันราย
The MATTER ได้ติดต่อพูดคุยกับ สิทธิชาติ อังคสิทธิศิริ ประธานชุมชนคลองเตยล็อค 1-2-3 ซึ่งเป็นหนึ่งในชุมชนที่มีสภาพแออัด โดยมีประชากรมากถึง 8,325 คนเป็นอย่างน้อย ในพื้นที่ 41.5 ไร่ โดยเขาเล่าถึงสถานการณ์ภายในชุมชนตอนนี้ว่า
“ตอนนี้ มียอดผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นทุกวัน และหลายชุมชนยังไม่ได้รับการตรวจทำให้ไม่แน่ใจว่ายอดแท้จริงเท่าไร ถ้ามีการตรวจเชิงรุกทั้งชุมชนถึงจะรู้ว่ายอดผู้ติดเชื้อทั้งหมดเท่าไร” โดยในขณะนี้ ชุมชนคลองเตยล็อค 1 – 2 – 3 มีผู้ติดเชื้อไปแล้ว 11 ราย
“วันนี้ (4 พฤษภาคม 2564) มีโควตาเมื่อเช้าว่าให้ตรวจ 200 คน ก่อนหน้านี้ (3 พฤษภาคม 2564) ได้ 80 คน รวมเป็นประมาณ 280 คน ผมก็แจ้งชาวชุมชนว่าใครมีความเสี่ยงใกล้ชิดกับผู้ติดเชื้อให้ไปตรวจก่อน ”
เขาเล่าต่อถึงอารมณ์ความรู้สึกของสมาชิกลูกบ้านเขาว่า “ผมว่าทุกคนหวาดผวากันหมด มันเหมือนอยู่แบบไม่มีเป้าหมาย จะมีหน่วยงานไหนเข้ามาเมื่อไร เข้ามาแล้วจะได้ตรวจหรือเปล่า ถ้าประกาศว่าใครเสี่ยง ทุกคนเขาก็เสี่ยงกันหมด ผมเข้าใจความรู้สึกของชาวชุมชนนะครับ มันไม่มีความหวังเลยว่าจะมีหน่วยงานไหนเข้ามาตรวจเป็นกิจลักษณะ แบบติดต่อมาบอกเราเลยว่าอีก 2-3 วันจะเข้ามาตรวจนะ”
ทั้งนี้ ชุมชนคลองเตยล็อค 1-2-3 เป็นชุมชนที่เคยมีข่าวว่าให้ผู้ป่วย COVID-19 กักตัวเองอยู่ในรถยนต์ เพื่อรอให้รถพยาบาลมารับ เนื่องจากสภาพภายในชุมชนแออัดและอาจเสี่ยงต่อการแพร่กระจายของโรค สิทธิชาติกล่าวถึงประเด็นนี้ว่า
“สภาพชุมชนเราแออัด มันไม่เหมาะกับการกักตัวในบ้าน รอบแรกให้กักตัวในรถ รอบนี้ให้กักตัวในบ้าน สุดท้ายติดกันทั้งบ้าน ชุมชนเราไม่เมืองข้างนอก มันไม่มีห้องส่วนตัว ไม่มีรั้วรอบขอบชิด ชุมชนเราเนี่ยบ้านหลังเล็กๆ อยู่กัน 4-5 คน บางหลังขนาด 3×2 เมตรอยู่กันตั้ง 3-4 คน และจะให้กักตัวอย่างไร ห้องน้ำก็ใช้ร่วมกัน”
“ปัญหาการแพร่เชื้อในบ้านเป็นปัญหาใหญ่ อย่างชุมชนผมก็ต้อง ดันผู้ติดเชื้อออกนอกชุมชน ต้องรีบหาสถานที่กักตัวหรือโรงพยาบาลให้ผู้ป่วยให้ได้ภายใน 1 วัน หลังจากนั้นนำทีมงานเข้าไปฉีด พ่น ฆ่าเชื้อภายในบ้านนั้น ไม่รอหน่วยงานภาครัฐแล้ว ถ้ารอก็คงจะไม่รู้เมื่อไร พอฉีดเสร็จก็นำผู้ที่ใกล้ชิดผู้ติดเชื้อไปตรวจ ถ้าผลออกมาไม่มีเชื้อให้กักตัวอยู่ในบ้าน 14 วัน เราก็ไปดูแลเรื่องข้าว น้ำ ความเป็นอยู่ ของใช้ต่างๆ ของเขา”
ด้วยความสงสัย เราถามเขาต่อว่าค่าใช้จ่ายเหล่านี้ มีเงินกองกลางของชุมชนหรือเงินส่วนไหนช่วยเหลือหรือเปล่า? เขากล่าวเรียบๆ ว่าส่วนมากจะใช้เงินตัวเอง หรือบางครั้งก็รวมจากเพื่อนฝูงถือว่าได้ทำบุญช่วยเหลือกัน
“สิ่งที่จำเป็นตอนนี้ก็อย่างข้าวสาร อาหารแห้ง ของอุปโภค บริโภค ของใช้จำเป็นให้กับผู้ที่กักตัว เพราะตอนนี้ถ้าสมมุตติด 1 คน ก็ต้องกักตัวอีก 4-5 คน มันก็มีของจำเป็นต้องใช้ทุกวัน รวมถึงพวกเครื่องพ่นแก๊ส ชุด PPE น้ำยาแอลกอฮอล์ ของพวกนี้เราก็จำเป็น” ทั้งนี้ สิทธิชาติเล่าว่าทุกวันนี้คณะกรรมการชุมชนร่วมกันทีมอาสา พยายามพึ่งพาตัวเอง ทำความสะอาดและรักษาอนามัยของชุมชนตลอดเวลา
“ส่วนภาครัฐที่อยากให้เข้ามาช่วยเหลือจริงๆ คือ การรับ-ส่งผู้ป่วย อยากให้เร่งรัด อย่าให้ผู้ติดเชื้อมาค้างในชุมชนเกิน 1 วัน เพราะยิ่งกักตัวยิ่งออกช้า เชื่อยิ่งกระจายเยอะ”
ก่อนทิ้งท้าน เราถามเขาถึงตัวแทนประชาชนประจำพื้นที่ น.ส.กรณิศ งามสุคนธ์รัตนา ส.ส.กทม.เขตคลองเตย-วัฒนา พรรคพลังประชารัฐ โดยเขากล่าวว่า
“ผมไม่ได้ติดต่อหาเขาเลยนะ บางครั้งเราปกป้องตัวเองได้ เราก็ปกป้อง เข้าใจว่าเขาคงมีงานเยอะ ต้องดูแลหลายชุมชน ต้องดูว่าเขาจะช่วยแต่ละชุมชนอย่างไร”
“แต่ไม่ได้ลงพื้นที่ชุมชนผม เขาอาจจะยุ่งอยู่ชุมชนอื่นหรือเปล่า” เป็นคำตอบเชิงคำถามทิ้งท้ายจากหัวหน้าชุมชนคลองเตยล็อค 1-2-3
อ้างอิง:
https://www.khaosod.co.th/covid-19/news_6376748
http://www.bangkok.go.th/…/%E0%B8%8A%E0%B8%B8%E0%B8%A1…
#Quote #TheMATTER #ชุมชนคลองเตย