BRIEF: ธุรกิจร้านอาหารต้องรอต่อไป รัฐบาลยังไม่ผ่อนปรนให้ ‘นั่งกินในร้าน’ ได้ แม้จะยอมให้ลูกจ้างเข้าโครงการช่วยเหลือ
.
หลังจากสมาคมภัตตาคารไทยออกมาเรียกร้องให้รัฐบาลทบทวนมาตรการคุมโรคในร้านอาหาร ที่ห้ามนั่งกินอาหาร แต่ให้สั่งกลับบ้านหรือเดลิเวอรี่แทน ซึ่งเริ่มใช้ใน 6 จังหวัด ‘พื้นที่สีแดงเข้ม’ ได้แก่ กทม. ชลบุรี, เชียงใหม่, นนทบุรี, ปทุมธานี และสมุทรปราการ ตั้งแต่วันที่ 1 พ.ค.2564 ที่ผ่านมา เพราะกระทบกับผู้ประกอบธุรกิจร้านอาหารจำนวนมาก
.
– ดูข้อเสนอของสมาคมภัตตาคารไทย: https://www.facebook.com/Thairestaurantasso/posts/2931051347180556
.
ฐนิวรรณ กุลมงคล นายกสมาคมภัตตาคารไทย เผยกับ The MATTER ว่า ล่าสุดทางรัฐบาล โดย ศบค.ยังไม่ผ่อนปรนให้ลูกค้าร้านอาหารสามารถนั่งกินในร้านได้ แม้จะมีข้อเสนอเรื่องมาตรการควบคุมการแพร่ระบาดของโรค COVID-19 (เช่น ลดจำนวนที่นั่งลง 50% ของจำนวนที่นั่งเดิม, จัดโต๊ะห่างกันเกิน 1-2 เมตร, ห้ามคนไม่ได้มาด้วยกันนั่งโต๊ะเดียวกัน ฯลฯ) ก็ตาม โดยมองว่าร้านอาหารยังอาจเป็นแหล่งแพร่เชื้อโรคได้ ซึ่งมาตรการห้ามนั่งกินที่ร้านกระทบกับผู้ประกอบการจำนวนมาก บางคนโทรมาบอกว่า จำเป็นต้องเปิดต่อไป แม้แทบไม่มีรายได้ เพราะต้องเลี้ยงลูกจ้างเอาไว้ ส่วนการหันไปขายอาหารผ่านเดลิเวอรี่ก็ไม่ใช่ทุกร้านจะทำได้ และรายได้ที่กลับมา เมื่อหักกับค่าใช้จ่ายในแพล็ตฟอร์มต่างๆ แล้ว ก็ถือว่าน้อยมากๆ
.
“ที่เราเสนอว่า อยากให้รัฐทบทวนให้ร้านอาหารกลับมานั่งทานที่ร้านได้ในวันที่ 7 พ.ค.2564 เพราะตามปกติแล้ว สายป่านของคนตัวเล็กตัวน้อยน่าจะมีประมาณ 7 วันเท่านั้น แต่ทาง ศบค.ยังไม่ทบทวนมาตรการดังกล่าว”
.
ฐนิวรรณบอกอีกว่า หลายๆ มาตรการช่วยเหลือเยียวยาผู้ประกอบธุรกิจร้านอาหาร ทั้งเรื่องให้รัฐช่วยเหลือเงินเดือนลูกจ้าง 50%, งดจัดเก็บภาษีหนึ่งรอบบัญชี, ผ่อนผันการชำระดอกเบี้ย 6 เดือนและเงินต้น 1 ปี, เจรจากับห้างสรรพสินค้าต่างๆ ให้ช่วยลดค่าเช่า 50% ฯลฯ ถึงตอนนี้ ได้รับกลับมาเพียง 2 เรื่องเท่านั้น คือการยอมให้ลูกจ้างร้านอาหารที่อยู่ในระบบประกันสังคม ม.33 สามารถเข้าโครงการรับเงินเยียวยาเนื่องจากว่างงานด้วยเหตุสุดวิสัยเพราะต้องปิดหรือหยุดประกอบกิจการชั่วคราวได้ (ได้รับเงินทดแทนการว่างงาน 50% ของเงินเดือน สูงสุด 90 วัน) แม้มาตรการรอบล่าสุด จะเป็นการขอความร่วมมือไม่ใช่การสั่งปิดก็ตาม และการให้นายจ้างและลูกจ้างลดเงินส่งเข้าประกันสังคม เหลือ 2%
.
“แต่นั่นก็เป็นเพียงมาตรการช่วยลูกจ้างและผู้ประกอบการเพียงเล็กน้อยเท่านั้น เพราะเป้าหมายของเราก็คือ ให้กลับมาประกอบกิจการได้บ้าง แม้ไม่เท่าเดิม แต่ก็พอให้มีรายได้เลี้ยงธุรกิจและลูกน้องต่อไปได้”
.
นายกสมาคมภัตตาคารไทย ยังระบุว่า จะเดินหน้าเรียกร้องจากรัฐบาลต่อไป เพราะทุกวันนี้ จะมีผู้ประกอบธุรกิจร้านอาหารโทรมาปรับทุกข์อยู่ตลอดเวลา ซึ่งหากปล่อยให้หลายๆ ร้านเลิกกิจการไป ก็จะกระทบกับคนอีกจำนวนมากเป็นลูกโซ่ ทั้งคนที่ทำงานร้านอาหารและธุรกิจอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง
.
ทั้งนี้ สมาคมภัตตาคารไทยเคยเปิดเผยข้อมูลเมื่อปี พ.ศ.2563 ว่า ธุรกิจอาหารในไทย แบ่งเป็นสตรีตฟู้ดกว่า 4.2 แสนแห่ง และร้านอาหารซึ่งมีที่ตั้งระหว่าง 50-200 ตร.ม. ซึ่งต้องจดทะเบียนตามกฎหมาย อีกกว่า 1.2 แสนแห่ง มีแรงงานที่เกี่ยวข้องรวมกันกว่า 3 ล้านคน
#Brief #TheMATTER