สืบเนื่องจากการรายงานข่าวว่า มีผู้ต้องขังมากกว่า 2 พันราย ติดเชื้อ COVID-19 ในเรือนจำ จนนำมาสู่การตั้งคำถาม ถึงมาตรการการดูแลการแพร่ระบาดของ COVID-19 ในเรือนจำ ภายใต้การดูแลของกรมราชทัณฑ์ ล่าสุด กรมราชทัณฑ์ได้ออกแถลงการณ์ ถึงสถานการณ์ดังกล่าวแล้ว
กรมราชทัณ์กล่าวว่า ปัจจัยของการแพร่ระบาดในเรือนจำครั้งนี้ เกิดขึ้นจากการรับผู้ต้องขังใหม่เข้ามา ประกอบกับการต้องนำผู้ต้องขัง ออกไปขึ้นศาลอยู่เสมอๆ จึงทำให้เกิดการติดเชื้อขึ้น อย่างไรก็ดี กรมราชทัณฑ์ได้มีมาตรการป้องกันอย่างเต็มที่ ด้วยการตรวจคัดกรองเชิงรุก ในผู้ต้องขังทั้ง 100 เปอร์เซ็นต์ หรือ 310,830 คน จากการสำรวจเมื่อวันที่ 2 พฤษภาคม พ.ศ.2564
จากผลการตรวจผู้ต้องขังทั้งหมด มีรายงานการพบผู้ต้องขังติดเชื้อ ได้แก่
- ทัณฑสถานหญิงกลาง ติดเชื้อ 1,040 ราย คิดเป็นอัตราผู้ติดเชื้อประมาณ 23 เปอร์เซ็นต์ ของผู้ต้องขังทั้งหมดในทัณฑสถานหญิงกลาง
- เรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร ติดเชื้อ 1,795 ราย คิดเป็นอัตราผู้ติดเชื้อประมาณ 54 เปอร์เซ็นต์ ของผู้ต้องขังทั้งหมดในเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร
ทั้งนี้ ผู้ต้องขังที่ติดเชื้อ COVID-19 ได้รับการรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาลสนามแล้ว ภายใต้การดูแลของแพทย์อย่างใกล้ชิด โดยหากว่าผู้ต้องขังรายใดมีอาการหนัก จะมีการย้ายตัวออกมารักษาในโรงพยาบาลภายนอกเรือนจำ โดยกรมราชทัณฑ์มั่นใจว่า มาตรการของกรมราชทัณฑ์ กับกระทรวงสาธารณสุข จะไม่ทำให้การแพร่ะระบาดขยายเป็นวงกว้าง
กรมราชทัณฑ์ระบุอีกว่า เมื่อมีการรับผู้ต้องขังใหม่เข้ามา ทางเรือนจำจะมีการกักตัวผู้ต้องขังใหม่อย่างน้อย 21 วัน พร้อมทำการตรวจหาเชื้อ COVID-19 2 รอบ ก่อนที่ผู้ต้องขังจะพ้นระยะการกักตัว โดยถ้าหากพบว่าผู้ต้องขังใหม่รายใดมีอาการ ก็จะได้รับยา Favipiravia ในการรักษาเบื้องต้น ทั้งในโรงพยาบาลสนาม และโรงพยาบาลแม่ข่ายตามอาการป่วย
โดยที่ผ่านมา กรมราชทัณฑ์ได้ทำการตรวจเชิงรุก ทั้งในเจ้าหน้าที่และผู้ต้องขัง ด้วยวิธี PT-PCR ไปแล้วกว่า 17,000 ครั้ง ทำให้มีการคัดแยกผู้ติดเชื้อได้อย่างรวดเร็ว และสามารถแยกตัวกลุ่มเสี่ยงออกมาดูอาการได้ทันกาล ทั้งนี้ กรมราชทัณฑ์มั่นใจว่า จะสามารถควบคุมสถานการณ์ได้ ผ่านการควบคุมที่เคร่งครัด เพราะเคยเกิดการแพร่ระบาดในลักษณะนี้ ที่เรือนจำนราธิวาสมาก่อน
อ้างอิงจาก
https://www.khaosod.co.th/breaking-news/news_6393561
https://twitter.com/iLawclub/status/1392402764794261515
https://thematter.co/brief/142877/142877
#Brief #TheMATTER