เรือนจำมักเป็นสถานที่ที่ถูกคำนึงถึงสิทธิมนุษยชนน้อยที่สุด แต่ถึงเช่นนั้นพวกเขาก็ยังเป็น ‘ประชาชน’ ที่มีสิทธิ์ได้รับวัคซีน COVID-19 อย่างคนทั่วไป ซึ่งเจ้าหน้าที่รัฐแคลิฟอร์เนีย สหรัฐฯ ก็ไม่ได้เพิกเฉย และเร่งฉีดวัคซีนให้นักโทษในเรือนจำ จนขณะนี้ มากกว่าครึ่งของผู้ต้องขังในเรือนจำแคลิฟอร์เนียได้รับวัคซีนแล้วอย่างน้อย 1 เข็ม
หากคำนึงถึงสภาพแวดล้อม เรือนจำเป็นสถานที่ที่มีโอกาสเกิดการระบาดของ COVID-19 มากที่สุด รวมไปถึงนักโทษเองก็มีอัตราการเสียชีวิตสูงกว่าอัตราทั่วไป นับตั้งแต่เกิดการแพร่ระบาด มีนักโทษจำนวนมากเสียชีวิตด้วยสาเหตุนี้ มากกว่าอัตราการเสียชีวิตจากโทษประหารในช่วง 70 ปีรวมกัน ดังนั้น สิ่งที่จะป้องกันไม่ให้เหตุการณ์รุนแรงขึ้นได้ คือการฉีดวัคซีนให้ครอบคลุมสมาชิกในเรือนจำทั้งหมด
กรมราชทัณฑ์และการฟื้นฟูสมรรถภาพแห่งแคลิฟอร์เนีย (CDCR) เริ่มโครงการฉีดวัคซีนให้นักโทษตั้งแต่วันที่ 4 มีนาคม โดยวัคซีนที่ใช้เป็นของบริษัทไฟเซอร์ และโมเดอร์นา
อย่างไรก็ตาม โจทย์ใหญ่ในการฉีดวัคซีนในเรือนจำไม่ใช่วัคซีนมีจำนวนจำกัด แต่นักโทษบางส่วน ไม่ต้องการฉีดวัคซีน COVID-19 เหมือนที่ชาวสหรัฐฯ บางส่วนมีแนวคิดเช่นนั้น ซึ่งนั่นเป็นปัญหาที่ราชทัณฑ์ รวมไปถึงรัฐบาลที่อยู่ด้านนอกต้องเร่งแก้ไข
การศึกษาระบุว่า นักโทษส่วนใหญ่ที่ไม่ยินยอมรับวัคซีนจะเป็นกลุ่มคนอายุน้อยที่มีสุขภาพดี ขณะที่นักโทษสูงอายุจะยินยอมรับวัคซีนมากกว่า แต่ถึงเช่นนั้น 50% ของผู้ที่ปฏิเสธวัคซีน COVID-19 ในตอนแรก ก็ยอมฉีดวัคซีนเมื่อได้รับการเสนออีกครั้ง
เจเรมี่ ฟีเบิร์ต (Jeremy Fiebert) รองศาสตราจารย์ด้านการแพทย์ ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้ร่วมเขียนงานวิจัยเปิดเผยว่า แคลิฟอร์เนียเป็นหนึ่งในระบบเรือนจำที่ใหญ่สุดในสหรัฐฯ ถ้ารัฐบาลสามารถฉีดวัคซีนให้ครอบคลุมประชากรทั้งหมด เหล่าผู้ถูกคุมขังทั่วประเทศที่มีอยู่กว่า 2 ล้านคนก็ต้องได้รับสิทธิ์นี้ด้วยเช่นกัน
อ้างอิงจาก
https://www.nejm.org/doi/full/10.1056/NEJMc2105282
https://www.usnews.com/…/two-out-of-three-california…