ในระหว่างที่มีข่าวใหญ่เรื่องการออกหมายจับใครคนนั้น ในที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎร ก็กำลังพูดคุยเรื่องสำคัญอย่าง ‘ร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2565’ ที่หลายคนอาจไม่รู้ หรือรู้แหละ แต่อาจไม่มีเวลาติดตามตลอด เพราะต้องทำงาน เรียน หรือมีธุระอื่นๆ
เพื่อไม่ให้คุณพลาดเหตุการณ์สำคัญกับชีวิตของทุกๆ คน The MATTER จึงขอสรุปให้ฟังว่า มีอะไรน่าสนใจระหว่างการประชุมนี้บ้าง รัฐบาลได้จัดสรรงบประมาณที่ ‘มีอยู่อย่างจำกัด’ ในช่วงเวลาที่มีวิกฤต COVID-19 อย่างไร? และ ส.ส.ได้วิพากษ์การเตรียมใช้เงินที่มาจาก ‘ภาษีของทุกคน’ นี้อย่างไรบ้าง?
ซึ่งครั้งนี้ ไม่ใช่แค่ ส.ส.ฝ่ายค้านเท่านั้นนะ ที่ตั้งคำถามกับรัฐบาล กระทั่ง ส.ส.รัฐบาลหลายคนก็ยัมีข้อสงสัยเช่นกัน !
เกิดอะไรขึ้นบ้าง ไปติดตามกัน
1.) เท้าความก่อนว่า เงินงบประมาณที่รัฐบาลมีไว้ใช้จ่ายในแต่ละปี ไม่ใช่จู่ๆ ก็ลอยมาจากฟ้า แต่ต้องขออนุมัติจากรัฐสภา ซึ่งเป็นแหล่งรวมของตัวแทนประชาชน (แม้ในยุค สนช. และ ส.ว.แต่งตั้งชุดปัจจุบัน จะเป็นตัวแทนคนกลุ่มหนึ่งที่ตั้งพวกเขาเข้ามา ไม่ใช่ตัวแทนประชาชนก็ตาม แต่อย่างน้อย ส.ส.ชุดปัจจุบันประชาชนก็เลือกเข้ามา) โดยขออนุมัติในรูปแบบของ ‘ร่างพระราชบัญญัติ’ (ร่าง พ.ร.บ.)
โดยร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ (ต่อไปจะเรียก ‘ร่าง พ.ร.บ.งบฯ’) ต้องผ่านขั้นตอนการพิจารณากฎหมายปกติ คือมี 3 วาระ ที่ประชุมใหญ่พิจารณา #วาระแรก-รับหลักการ แล้วไปพิจารณารายละเอียดในชั้น #คณะกรรมาธิการวิสามัญ (กมธ.วิสามัญ) เสร็จแล้วค่อยส่งกลับมาที่ประชุมใหญ่พิจารณา #วาระสอง-พิจารณารายมาตรา และ #วาระสาม-เห็นชอบให้ใช้ทั้งฉบับไหม่
ซึ่งหากสภาผู้แทนราษฎรเห็นชอบ ก็จะส่งให้วุฒิสภาพิจารณาในรูปแบบเดียวกัน หากเห็นชอบอีก ก็จะประกาศใช้เป็น ‘พระราชบัญญัติ’ (พ.ร.บ.) ต่อไปในราชกิจจานุเบกษา
2.) การพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบฯ ในแต่ละปี จะต้องทำทุกกระบวนการใน 2 สภา (เว้นแต่ยุครัฐประหารที่มักยุครวมเหลือสภาเดียว) ก่อนสิ้นเดือน ก.ย.ของปีก่อนหน้าปีปฏิทิน (พ.ศ.) ในชื่อของร่าง พ.ร.บ.งบฯ นั้นๆ เช่น ร่าง พ.ร.บ.งบฯ ปี 2564 ก็ต้องทำให้เสร็จภายในเดือน ก.ย.2563
เพราะ ‘ปีงบประมาณ’ ของราชการไทยจะใช้เหลื่อมปีกับ ‘ปีปฏิทิน’ คือเริ่มเดือน ต.ค.ของปีก่อน ไปสิ้นสุดเดือน ก.ย.ของปีนี้
3.) ดังนั้น ร่าง พ.ร.บ.งบฯ ปี 2565 จึงจะต้องพิจารณาให้เสร็จภายในเดือน ก.ย.2564 โดย ‘เดิมพัน’ ของร่างกฎหมายนี้สูงกว่า ร่างกฎหมายอื่นๆ เพราะหากไม่ผ่าน นายกรัฐมนตรีต้องยุบสภา แต่ที่ผ่านมาก็ไม่เคยมีนายกฯไทยคนไหนยุบสภาเพราะร่าง พ.ร.บ.งบฯ ไม่ผ่านมาก่อน เพราะโดยธรรมชาติเสียงส่วนใหญ่ในสภาฯ จะอยู่ฝั่งรัฐบาล
4.) ในรัฐธรรมนูญฉบับปี 2560 กำหนดไว้ว่า การพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบฯ ในชั้นสภาผู้แทนราษฎร จะต้องไม่เกิน 105 วัน และในชั้นวุฒิสภา จะต้องไม่เกิน 20 วัน หรือคร่าวๆ ราว 4 เดือน (105+20 วัน)
ฤดูกาลการพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบฯ ในแต่ละปี จึงมักเริ่มขึ้นในเดือน พ.ค.
5.) ร่าง พ.ร.บ.งบฯ ปี 2565 เข้าสู่การพิจารณาของสภาฯ ในวาระแรก ตั้งแต่วันที่ 31 พ.ค.2564 โดยคาดว่าจะลงมติในวันที่ 2 มิ.ย.2564 หากที่ประชุมสภาฯ มีมติรับหลักการ ก็จะตั้ง กมธ.วิสามัญขึ้นมาพิจารณาในรายละเอียด และเดินหน้าตามขั้นตอนที่เกริ่นมาข้างต้นต่อไป
6.) รัฐบาลประยุทธ์จัดทำร่าง พ.ร.บ.งบฯ ปี 2565 ขึ้นในช่วงที่เกิดวิกฤต COVID-19 ที่ทำให้เศรษฐกิจหยุดชะงัก ส่งผลต่อรายได้หลักของภาครัฐอย่าง ‘เงินภาษี’ เก็บได้ลดลง จึงตั้งงบประมาณไว้เพียง 3,100,000 ล้านบาท ลดลงจากปีก่อนราว 5.66%
ซึ่งการลดงบประมาณลง มีเหตุผลที่พอเข้าใจได้ แต่คำถามก็คือ
– งบด้านไหนลดลงเท่าไร?
– งบกระทรวงไหนถูกลดบ้าง?
– รายจ่ายไหนยังไม่จำเป็นในตอนนี้ควรตัดทิ้งไป?
– รายจ่ายไหนจำเป็นมากๆ ให้คงไว้ อย่าเพิ่งลด หรือควรเพิ่มด้วยซ้ำ?
ฯลฯ
หรือพูดง่ายๆ คือการ ‘จัดสรรงบประมาณ’ ตามความจำเป็นและเร่งด่วนของสถานการณ์ปัจจุบัน ที่มีวิกฤตโรคระบาดอย่าง COVID-19
ซึ่งนั่นเป็นหัวใจสำคัญที่ทำให้รัฐบาลประยุทธ์ถูกวิพากษ์อย่างหนักในการประชุมสภาฯ ตลอด 3 วันที่ผ่านมา จนเจ้าตัวต้องยกเรื่องเก่าๆ อย่างโครงการรับจำนำข้าวมาตอบโต้ !
ทั้งนี้ ในการอภิปรายร่าง พ.ร.บ.งบฯ ปี 2565 ของ ส.ส. ยังมีการพาดพิงไปถึง พ.ร.ก.กู้เงิน 1,000,000 ล้านบาทในปีก่อน และ พ.ร.ก.กู้เงิน 500,000 ล้านบาท ในปีนี้ด้วย
7.) การประชุมสภาฯเพื่อพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบฯ ปี 2565 ที่มี ส.ส.ร่วมลงชื่อขออภิปราย 55 คนตลอดทั้ง 3 วัน (31 พ.ค.-2 มิ.ย.2564) เริ่มต้นขึ้นอย่างเป็นทางการ หลังจาก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม ก้มอ่านเอกสารที่จัดเตรียมมา (เป็นส่วนใหญ่) ใช้ระยะเวลา 1 ชั่วโมง 30 นาที เสร็จสิ้น
8.) วิโรจน์ ลักขณาอดิศร ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล เปิดฉากอภิปรายการจัดทำร่าง พ.ร.บ.งบฯ ปี 2565 ว่ารัฐบาลชุดนี้ไม่มีสามัญสำนึก จัดลำดับความสำคัญไม่เป็น ไม่รู้ว่าอะไรควรเร่งด่วน อะไรควรชะลอ อะไรควรจ่าย อะไรไม่ควรจ่าย
โดยเขาให้ข้อมูลว่า งบด้านการป้องกันประเทศ ถูกปรับลดแค่ 4.9% แต่งบสาธารณสุขและงบการศึกษา กลับถูกปรับลดลงในสัดส่วนที่มากกว่า งบสาธารณสุขถูกปรับลด 10.8% งบการศึกษา ถูกปรับลดถึง 5.5% ประเทศที่ไม่ป้องกันชีวิตของประชาชน ไม่ให้ความสำคัญกับอนาคตของประชาชน แล้วจะป้องกันประเทศแบบนี้ไปเพื่ออะไร
วิโรจน์ยังให้ข้อมูลเรื่องงบจัดหาอาวุธยุทโธปกรณ์ของกองทัพบกและกองทัพเรือ ซึ่งเพิ่มขึ้นหลายพันล้านบาท
“สภาพของประเทศในทุกวันนี้ เปรียบเหมือนบ้านที่พ่อแม่มาล้มป่วย ตกงาน แต่ลูกทรพีก็ยังจะตื๊อซื้อของเล่นให้ได้” วิโรจน์กล่าว
9.) ศิริกัญญา ตันสกลุ ส.ส.บัญชีรายชื่อ ย้ำต่อไปว่า เมื่อต้องเลือกตัดงบรายจ่ายลง แต่รัฐบาลไม่กล้าเผชิญหน้ากับรัฐราชการ ไม่กล้าตัดงบที่ลงตรงๆ ไปยังกระทรวง กรมต่างๆ แต่กลับตัดงบสวัสดิการของประชาชน เช่น
– หลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (บัตรทอง) ถูกตัดไป 2,000 ล้านบาท
– ประกันสังคม ถูกตัดไป 19,000 ล้านบาท
– กองทุนสวัสดิการประชารัฐ ถูกตัดไป 20,000 ล้านบาท
– การเคหะแห่งชาติและกองทุนการออมแห่งชาติ ถูกตัดงบไปครึ่งหนึ่ง
– งบประมาณด้านการศึกษา ถูกตัดไป 24,000 ล้านบาท
– งบกองทุนส่งเสริมวิทยาศาสตร์ วิจัย และนวัตกรรม ถูกตัดไป 5,000 ล้านบาท
– งบกองทุนส่งเสริม SME ถูกตัด 40%
– ตัดงบประมาณแผนบูรณาการพัฒนาเศรษฐกิจฐานราก 50%
– ตัดงบแผนบูรณาการพัฒนาอุตสาหกรรมและบริการแห่งอนาคต 20%
ฯลฯ
“ยังไม่ต้องพูดถึงว่า รัฐบาลไม่ได้ตั้งงบชดเชยความเสียหายให้ผู้ประกอบการที่ถูกสั่งปิด ที่ปิดมา 3 รอบ ยังไม่เคยได้เงินชดเชยแม้แต่บาทเดียว”
จากการจัดสรรงบประมาณที่ไม่มีประสิทธิภาพ ส.ส.ก้าวไกลรายนี้ จึงเรียกร้องให้ รัฐบาลถอนร่าง พ.ร.ก.กู้เงิน 500,000 ล้านบาท ที่กำลังจะเข้าสู่สภา นายกฯ ต้องลาออกเพื่อแสดงความรับผิดชอบ ให้รัฐบาลใหม่ออก พ.ร.บ.กู้เงิน และจัดทำงบกลางปีเพื่อชดเชยสวัสดิการ การศึกษา และงบประมาณฟื้นฟูประเทศ
10.) ขณะที่พรรคเพื่อไทย ก็ส่ง ส.ส.นับสิบชีวิตมาอภิรปายร่าง พ.ร.บ.งบฯ ปี 2565 เช่นกัน ส่วนใหญ่จะเน้นไปที่การตัดงบด้านสาธารณสุขและการศึกษาเทียบงบด้านความมั่นคงที่ถูกตัดด้วยสัดส่วนน้อยกว่า การบริหารจัดการวัคซีน COVID-19 ที่ล่าช้า และการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจที่ล้มเหลว
11.) ที่น่าสนใจก็คือ ในการพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบฯ ปี 2565 ส.ส.จากพรรคร่วมรัฐบาล ก็ร่วมวิพากษ์การจัดทำงบประมาณครั้งนี้ด้วย โดยเฉพาะ ส.ส.จากพรรคภูมิใจไทย ที่มีหัวหน้าพรรคเป็น รมว.สาธารณสุข (อนุทิน ชาญวีรกูล) ซึ่งอภิปรายกรณีกระทรวงสาธารณสุขถูกตัดงบลงครั้งแรกในรอบ 12 ปี เป็นเงินกว่า 4,300 ล้านบาท ทั้งๆ ที่กำลังสู้กับวิกฤตโรค COVID-19 อยู่
ชาดา ไทยเศรษฐ์ ส.ส.อุทัยธานี พรรคภูมิใจไทย บอกว่า การตัดงบกระทรวงสาธารณสุข เหมือนส่งทหารไปรบแต่ไม่ให้อาวุธไปด้วย “ผมอยากจะบอกว่า หัวหน้าครับ ถ้าเขาไม่รักก็กลับบ้านเราเถอะครับ”
ขณะที่ภราดร ปริศนานันทกุล ส.ส.อ่างทอง พรรคภูมิใจไทย ก็บอกว่าการจัดสรรงบครั้งนี้ไม่เป็นไปตามสถานการณ์ของประเทศ
12.) พล.อ.ประยุทธ์ชี้แจงเรื่องการจัดสรรงบให้กระทรวงสาธารณสุข (154,000 ล้านบาท) น้อยกว่ากระทรวงกลาโหม (203,000 ล้านบาท) ว่าไม่ใช่ข้อเท็จจริง เพราะเงินไปอยู่ใน 3 กองทุน (บัตรทอง, การแพทย์ฉุกเฉิน, ภูมิปัญญาการแพทย์แผนไทย) อีกกว่า 141,000 ล้านบาท
13.) ระหว่างอภิปรายร่าง พ.ร.บ.งบฯ ปี 65 รัฐบาลยังถูกวิพากษ์อย่างหนักเรื่องหนี้สาธารณะที่เพิ่มขึ้น จน พล.อ.ประยุทธ์ต้องลุกขึ้นตอบโต้ อ้างถึงหนี้จากโครงการรับจำนำข้าว ที่ 7 ปีที่อยู่ในอำนาจใช้หนี้ไปแล้ว 705,000 ล้านบาท ยังเหลืออีก 280,000 ล้านบาท ที่คาดว่าจะต้องตั้งงบประมาณใช้หนี้อีก 12 ปีถึงจะหมดสิ้น
14.) คำพาดพิงถึงโครงการรับจำนำข้าวในสภาฯ ทำให้ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ซึ่งเขียนข้อความลงเพจ Yingluck Shinawatra ตอบโต้ว่า พล.อ.ประยุทธ์เจ้าตัว “กล่าวเท็จในสภา” เพราะยอดหนี้โครงการรับจำนำข้าว ตอนที่รัฐประหารในปี 2557 อยู่ที่ 500,000 ล้านบาท และมีสต็อกข้าวสารอีกจำนวนมาก พร้อมกับระบุที่มาของตัวเลขหนี้สาธารณะมากมายซึ่งเกิดขึ้นในรัฐบาล คสช.
“วันนี้ดิฉันไม่ได้บริหารประเทศมา 7 ปีแล้ว คุณประยุทธ์หัดโทษตัวบ้างเถอะค่ะ อย่าโทษแต่ดิฉันเลย ดิฉันฟังมา 7 ปีแล้ว สุภาพบุรุษ ชายชาติทหารเขาไม่ทำกันแบบนี้หรอกค่ะ” เพจของยิ่งลักษณ์ระบุ
15.) ยังมีการอภิปรายงบอื่นๆ ที่น่าสนใจ เช่น เบญจา แสงจันทร์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ที่ตั้งคำถามเกี่ยวกับงบประมาณที่อ้างว่าเกี่ยวข้องกับสถาบันพระมหากษัตริย์ กว่า 33,712 ล้านบาท ซึ่งบางโครงการไม่เกี่ยวข้องกับพันธกิจกับหน่วยงานที่ตั้งงบ โดยเสนอให้สำนักงานคณะกรรมการพิเศษเพื่อประสานงานโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ หรือ กปร. เป็นแม่งานในการดูแลและจัดลำดับความสำคัญ เพื่อไม่ให้เกิดความซ้ำซ้อน นอกจากนี้ ยังมีงบเทิดพระเกียรติที่ตั้งเป็นเบี้ยหัวแตกในหน่วยงานต่างๆ ซึ่งอยากรวมให้เป็นก้อนเดียว แล้วสำนักนายกรัฐมนตรีและกระทรวงวัฒนธรรมนำไปจัดการ เพื่อให้สมพระเกียรติ เป็นต้น
16.) แต่ทั้งหมดที่ไล่มาข้างต้น ยังเป็นการอภิปรายร่าง พ.ร.บ.งบฯ ปี 2565 ในวาระแรกเท่านั้น ยังมีการพิจารณาในชั้น กมธ.วิสามัญ รวมไปถึงวาระสองและวาระสาม ที่น่าจะเข้มข้นกว่านี้รออยู่อีกในอนาคต อยากให้ติดตามกันต่อไป เพราะงบประมาณเกือบทั้งหมดที่รัฐบาลใช้ ก็มาจากภาษีของประชาชนแทบทั้งสิ้น
พูดง่ายๆ นี่คือเงินพวกเรา จึงเป็นสิทธิที่ต้องรู้ว่า เขาจะเอาไปใช้ทำอะไรบ้าง!
อ้างอิงข้อมูลบางส่วนจาก
https://www.bb.go.th/topic3.php?gid=860&mid=544
https://bbstore.bb.go.th/cms/1620963779_8188.pdf
https://www.bbc.com/thai/thailand-53250623
https://www.facebook.com/208411252633908/videos/142896724556575
https://www.facebook.com/MoveForwardPartyThailand/photos/327420745556619/
https://www.facebook.com/MoveForwardPartyThailand/photos/327494195549274/
https://www.facebook.com/MoveForwardPartyThailand/photos/a.104388194526543/328539052111455/
https://www.thairath.co.th/news/politic/2105170
https://www.facebook.com/Y.Shinawatra/photos/a.201001219944341/4413336935377394/
https://www.khaosod.co.th/politics/news_6430500
#Recap #งบประมาณ2565 #TheMATTER