หากการอุ้มหายดังกล่าวเป็นการ ‘จัดฉาก’ ตามที่ผู้สนับสนุนรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ตั้งข้อสังเกต ป่านนี้ผู้มีอำนาจที่มีกำลังทั้งทหาร ตำรวจ และหน่วยข่าวกรองในมือ ก็คงสืบเสาะหาข้อเท็จจริงมาตีแผ่ เพื่อตอบโต้สารพัดข้อกล่าวหาดังกล่าวแล้ว ..น่าแปลกที่มันไม่มี?
กลับกัน แม้จะมี ‘ข้อสันนิษฐานร้ายแรง’ ถึงคนที่อยู่เบื้องหลังเหตุการณ์นี้ ผู้มีอำนาจในรัฐบาลชุดปัจจุบันกลับนิ่งเฉย และปล่อยให้ญาติๆ ของผู้สูญหาย ต้องออกแรงตามหากันเองทั้งในไทยและในกัมพูชา
วันที่ 4 มิ.ย.2563 เวลาประมาณ 16.40 น. ‘ต้าร์-วันเฉลิม สัตย์ศักดิ์สิทธิ์’ นักกิจกรรมและนักเคลื่อนไหวทางสังคมชาวไทย วัย 38 ปี ที่ลี้ภัยไปอาศัยอยู่ในประเทศกัมพูชา หลังการรัฐประหารในปี 2557 ถูกชายฉกรรจ์พาตัวขึ้นรถยนต์สีดำ ระหว่างที่เขาลงมาซื้อลูกชิ้นหน้าคอนโดมีเนียมที่พักอาศัยในกรุงพนมเปญ พร้อมกับคุยโทรศัพท์กับพี่สาว ‘เจน-สิตานัน สัตย์ศักดิ์สิทธิ์’ ไปด้วย โดยคำพูดสุดท้ายพี่สาวได้ยินจากน้องชายก็คือ “โอ๊ย! หายใจไม่ออก” ก่อนที่โทรศัพท์จะถูกตัดสายไป
ตอนแรก ครอบครัวคิดว่าเจ้าตัวเจออุบัติเหตุ ก่อนจะรู้ภายหลังว่าวันเฉลิมถูกลักพาตัวไป หลังเป็นข่าว แฮชแท็ก #saveวันเฉลิม ก็ขึ้นอันดับหนึ่งในทวิตเตอร์ทันที ด้วยจำนวนการพูดถึงเกิน 1 ล้านครั้ง ในเวลาเพียง 24 ขั่วโมง
ครอบครัวของวันเฉลิม โดยเฉพาะสิตานัน พยายามทุกวิถีทางที่จะให้ทางการไทยและทางการกัมพูชาช่วยติดตามตัววันเฉลิม แต่อุปสรรคจากช่วงโรค COVID-19 ระบาด ทำให้การดำเนินการต่างๆ เป็นไปอย่างยากลำบาก ในขณะที่รัฐบาล 2 ประเทศต่างบ่ายเบี่ยง ปฏิเสธการเข้ามาพักอาศัยในประเทศกัมพูชาของวันเฉลิม ทั้งๆ ที่มีหลักฐานเป็นพาสปอร์ตสัญชาติกัมพูชาของวันเฉลิม (ใช้ชื่อว่า ซก เฮง-Sok Heng) และปรากฎเอกสารว่า เจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงของไทยเข้าไปติดตามถ่ายรูปวันเฉลิมถึงหน้าคอนโดฯ ในกรุงพนมเปญ
สิ่งที่เกิดขึ้นกับวันเฉลิม ปลุกให้การชุมนุมของคนรุ่นใหม่ในเมืองไทยกลับมาอีกครั้ง หลังเคยมีขึ้นตามสถานศึกษาในช่วงต้นปี 2563 แล้วต้องยุติไปเพราะสถานการณ์ COVID-19
ทั้งการชุมนุมทวงถามชะตากรรมของวันเฉลิมบนสกายวอล์ก สี่แยกปทุมวัน ในวันที่ 5 มิ.ย.2563 และการกล่าวถึงชะตากรรมของเขา รวมถึงนักกิจกรรมนักเคลื่อนไหว อีก 8 คน ที่ลี้ภัยไปอยู่ในประเทศเพื่อนบ้านของไทย นับแต่รัฐประหารในปี 2557 แล้วหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย ตลอดการชุมนุมที่มีขึ้นถี่ยิบในช่วงปลายปี 2563
สิตานันกล่าวกับ The MATTER ว่า ที่เด็กรุ่นใหม่ออกมาเรียกร้องเรื่องวันเฉลิม ทั้งที่ไม่เคยรู้จักกันมาก่อน และรุ่นก็ห่างกันพอสมควร “เพราะเขารู้สึกว่า เรื่องแบบนี้มันใกล้ตัวมากกว่าที่คิด วันหนึ่งอาจจะเกิดขึ้นกับเขาก็ได้ จึงต้องออกมาส่งเสียง ไม่ใช่เพื่อวันเฉลิม แต่เพื่อตัวของพวกเขาเองด้วย”
สิตานันยังเคยกล่าวไว้ในงานครบรอบการหายตัวไปของวันเฉลิม ที่จัดโดย Amnesty International Thailand ครั้งหนึ่งว่า
“ก่อนนอนก็ภาวนาทุกคืน ขอให้เขายังปลอดภัย อยากได้คำยืนยัน ถ้าเสียชีวิตแล้ว ก็จะนำกลับมาประกอบพิธีกรรมทางศาสนา เราอยากพาเขากลับบ้าน
“อยากวิงวอนคนที่อุ้มวันเฉลิมไปว่า ปล่อยตัวเขามาเถอะ ไม่ว่าจะในสภาพไหน ถ้าเป็นศพ ก็ขอการยืนยันว่าเสียชีวิตแล้ว ไม่เช่นนั้นครอบครัวก็จะใช้ชีวิตต่อไปไม่ได้” คือคำพูดที่เปี่ยมไปด้วยความรู้สึกของสิตานัน
นี่คืออาชญากรรมที่เกิดขึ้นกับคนไทย แต่น่าแปลกใจที่รัฐบาลซึ่งพูดเสมอว่า “ห่วงใยชีวิตคนไทยทุกๆ คน” กลับแทบไม่กระตือรือร้น จะดำเนินการใดๆ เลย
อ้างอิงจาก
https://prachatai.com/journal/2020/06/87968
https://news.thaipbs.or.th/content/302811
https://www.voathai.com/a/us-state-department-highlight-cases-in-thailand-human-rights-report/5836410.html
https://www.bbc.com/thai/thailand-52946342
#Brief #saveวันเฉลิม #อุ้มหาย #TheMATTER