เพราะเชื้อไวรัสไม่เคยหยุดนิ่ง และทุกครั้งที่มันวิวัฒนาการ มันมักจะแข็งแรงขึ้นเสมอ ล่าสุด ผลงานวิจัยจาก Francis Crick Institute UK ซึ่งตีพิมพ์ในวารสาร Lancet เปิดเผยว่า การฉีดวัคซีนเข็มเดียว ไม่สามารถต้านทาน COVID-19 สายพันธุ์อินเดีย (Delta) และสายพันธุ์แอฟริกาใต้ (Beta) ได้
ศ.นพ.มานพ พิทักษ์ภากร หัวหน้าศูนย์วิจัยเป็นเลิศด้านการแพทย์แม่นยำ โรงพยาบาลศิริราช ได้นำงานวิจัยจาก Francis Crick Institute UK มาเปิดเผยผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว โดยวิจัยดังกล่าว เป็นการศึกษาระดับแอนติบอดีของผู้ฉีดวัคซีนไฟเซอร์ กับเจ้าหน้าที่ของมหาวิทยาลัยยูนิเวอร์ซิตี้ คอลเลจ ลอนดอน (University College London) จำนวน 250 คน เพื่อค้นหาว่าวัคซีนสามารถป้องกันไวรัสกลายพันธุ์ได้หรือไม่
ในการทดสอบจะมีการเก็บตัวอย่างเลือด และพลาสมา ของอาสาสมัคร หลังฉีดวัคซีนเข็มที่ 1 และ 2 เพื่อวัดระดับแอนติบอดี แล้วนำมาทดสอบร่วมกับไวรัสสายพันธุ์ต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นสายพันธุ์ต้นแบบ หรือไวรัสกลายพันธุ์ อย่างสายพันธุ์อังกฤษ แอฟริกาใต้ และอินเดีย
หมอมานพ อธิบายว่า การศึกษานี้น่าจะเป็นการทดสอบระดับความดื้อ (Immune Evasion) ของไวรัสที่มีมาตรฐานสูง เพื่อดูระดับความเข้มข้นของแอนติบอดีในการยับยั้งเชื้อไวรัสจริงในห้องทดลอง ซึ่งตามปกติ กระบวนการนี้จะทำได้ยากมาก เนื่องจากต้องเพาะพันธุ์ไวรัสสายพันธุ์ต่างๆ ขึ้นมาในห้องแล็บ ซึ่งเสี่ยงต่อการที่ผู้วิจัยจะติดเชื้อเอง
หลังจากทดสอบ พบว่า ไวรัสกลายพันธุ์แอฟริกาใต้ และอินเดีย มีความดื้อต่อแอนติบอดีหลังฉีดวัคซีน โดยระดับแอนติบอดีหลังฉีดเข็มแรก ลดลง 4.9 เท่า และ 5.8 เท่าตามลำดับ ขณะที่สายพันธุ์อังกฤษไม่ดื้อมากนัก ลดลงประมาณ 2.6 เท่า จึงอนุมานได้ว่าระดับแอนติบอดีหลังฉีดวัคซีนเข็มที่ 1 ไม่เพียงพอต่อการยับยั้ง COVID-19 สายพันธุ์แอฟริกาใต้ และอินเดีย ต้องฉีดวัคซีน 2 เข็มเท่านั้นจึงจะสามารถต้านทานได้
นอกจากนี้ ยังพบว่า ระดับแอนติบอดีหลังฉีดวัคซีนในผู้สูงอายุ มีแนวโน้มจะกระตุ้นน้อยกว่าวัยรุ่น หรือคนอายุน้อยกว่า ขณะที่ปัจจัยทางเพศ และน้ำหนักตัวไม่มีผลต่อการสร้างระดับภูมิคุ้มกัน
หมอมานพ กล่าวว่า นี่เป็นการศึกษาแรกที่แสดงให้เห็นว่า COVID-19 สายพันธุ์อินเดียดื้อวัคซีนไม่ต่างจากสายพันธุ์แอฟริกาใต้ ซึ่งได้รับการขนานนามว่าเป็นสายพันธุ์ที่ดื้อวัคซีนมากที่สุด ประกอบกับคุณสมบัติการแพร่กระจายได้เร็วมาก ทำให้มีแนวโน้มว่าในอนาคต COVID-19 สายพันธุ์อินเดียจะกลายเป็นสายพันธุ์ระบาดหลักของโลก ซึ่งหากเป็นตามที่หมอมานพคาดการณ์ หมายความว่าหลายประเทศอาจต้องพิจารณาปรับเปลี่ยนแนวทางการฉีดวัคซีน และเร่งฉีดเข็มที่ 2 ให้เร็วขึ้น เพื่อสกัดการแพร่ระบาด
อ้างอิงจาก
https://web.facebook.com/photo?fbid=10160986202923448&set=a.10150266694143448
https://www.thelancet.com/…/PIIS0140-6736…/fulltext…