ที่ผ่านมาหลายๆ ประเทศมีวิธีจัดการศพตามความเชื่อทางศาสนา ไม่ว่าจะเป็นการฝัง หรือเผา แต่ด้วยปัจจัยหลายอย่าง ทำให้วิธีการเหล่านั้นอาจไม่เข้ากับสภาพแวดล้อมปัจจุบันแล้ว รัฐโอเรกอน จึงได้อนุญาตให้ทำ ‘ปุ๋ยจากร่างกายมนุษย์’ เพื่อลดปัญหามลพิษจากอุตสาหกรรมงานศพ
เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา เคท บราวน์ (Kate Brown) ผู้ว่าการรัฐโอเรกอน ได้ลงนามในกฎหมาย House Bill 2574 (HB 2574) อนุญาตให้ญาติผู้เสียชีวิตตัดสินใจนำร่างของคนในครอบครัวไปทำปุ๋ยหมัก แทนการฝัง หรือเผาศพ เนื่องจากเห็นว่าวิธีจัดการศพแบบดั้งเดิม เป็นหนึ่งในการเพิ่มมลภาวะให้สิ่งแวดล้อม
แพม มาร์ช (Pam Marsh) ตัวแทนจากเมืองแจ็กสัน ซึ่งเป็นผู้ร่วมสนับสนุนร่างกฎหมายดังกล่าว ระบุว่า การอนุญาตให้นำศพมาเปลี่ยนเป็นปุ๋ย เป็นการมอบโอกาสให้ผู้คนสามารถเลือกวิธีจัดการร่างกายของตัวเองได้ เธอยังกล่าวอีกว่า มีสมาชิกหลายคนในเมืองที่สนใจวิธีจัดการศพที่เป็นมิตรกับธรรมชาติเช่นนี้
การปรับเปลี่ยนกฎหมายได้รับความสนใจอย่างมากจากนักอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมทั่วประเทศ เนื่องจากที่ผ่านมา สหรัฐฯ ปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์สู่ชั้นบรรยากาศ จากการเผาศพสูงถึง 1.7 พันล้านปอนด์ในทุกปี
ส่วนการฝังศพเองก็ให้ผลกระทบทางธรรมชาติไม่น้อย เนื่องจากก่อนฝังศพ จะมีการฉีดฟอร์มาลดีไฮด์ แล้วจึงบรรจุศพลงในโลงศพ ซึ่งพบว่า สารพิษบางส่วนจากฟอร์มาลดีไฮด์ได้รั่วไหลลงสู่พื้นดิน และแหล่งน้ำใกล้เคียง อีกทั้งการฝังศพยังทำให้เสียพื้นที่ใช้สอยจำนวนมากไปอย่างถาวร
กฎหมาย HB 2547 มีกำหนดบังคับใช้อย่างเป็นทางการในเดือนกรกฎาคม ค.ศ.2021 นี้ ซึ่งโอเรกอนนับเป็นรัฐที่ 3 ของสหรัฐฯ ที่อนุมัติใช้กฎหมายการจัดการศพแบบใหม่อย่างเป็นทางการ ต่อจากรัฐวอชิงตันที่อนุมัติในปี ค.ศ.2019 และรัฐโคโลราโด ที่เพิ่งอนุมัติเมื่อเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา
นอกจากทั้ง 3 รัฐ สมาชิกสภานิติบัญญัติของรัฐนิวยอร์ก และเดลาแวร์ ก็ได้พิจารณาร่างกฎหมายการทำปุ๋ยจากศพในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมาแล้วเช่นกัน และคาดว่าจะมีการอนุมัติใช้ในอีกไม่นาน ซึ่งหากสหรัฐฯ สามารถบรรลุการใช้กฎหมายดังกล่าวได้ทั่วประเทศ จะสามารถลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมจากอุตสาหกรรมจัดการศพไปได้ไม่น้อยเลยทีเดียว
อ้างอิงจาก
https://www.independent.co.uk/news/world/americas/oregon-human-composting-kate-brown-b1868343.html
https://www.vice.com/en/article/z3xz3j/oregon-has-legalized-human-composting
#Brief #TheMATTER