ยังเป็นวัคซีนที่ได้รับความไว้วางใจมากที่สุด สำหรับ Moderna และ Pfizer ที่มีประสิทธิภาพดีในการต้านไวรัสกลายพันธุ์ อีกทั้งผลการศึกษาล่าสุด ยังพบว่า วัคซีนทั้ง 2 ตัว มีแนวโน้มจะกระตุ้นภูมิคุ้มกันให้ร่างกายได้นานหลายปี
งานวิจัยที่ได้รับการตีพิมพ์ในวารสาร Nature เผยผลทดสอบการกระตุ้นภูมิคุ้มกันหลังฉีดวัคซีนชนิด mRNA จากวัคซีน Pfizer และ Moderna พบว่า วัคซีนมีแนวโน้มสูงที่จะกระตุ้นภูมิได้นานหลายปี ในการต้าน COVID-19 สายพันธุ์อัลฟ่า(สายพันธุ์อังกฤษ) เบต้า(สายพันธุ์แอฟริกาใต้) และเดลต้า(สายพันธุ์อินเดีย)
นั่นหมายความว่าผู้ที่ฉีดวัคซีน mRNA แล้วอาจไม่ต้องรับวัคซีนกระตุ้นทุกปีอย่างที่หลายคนกังวล
จากการตรวจสอบศูนย์เชื้อโรคที่ก่อตัวขึ้นในต่อมน้ำเหลือง ซึ่งเป็นเหมือนโรงเรียนให้เซลล์ B ใช้ฝึกจดจำและต่อสู้กับไวรัส COVID-19 พบว่าประมาณ 4 เดือนหลังฉีดวัคซีน Pfizer และ Moderna ‘เข็มแรก’ ต่อมน้ำเหลืองในร่างกายยังคงแสดงระดับเซลล์ B ที่สูง เป็นตัวชี้ให้เห็นว่าวัคซีนมีประสิทธิภาพป้องกันในระยะยาว
ดีปตา ภัตตาจารยา (Deepta Bhattacharya) นักภูมิคุ้มกันวิทยาจากมหาวิทยาลัยแอริโซนา (Arizona State University) ให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าว The New York Times ว่า โดยปกติ การกระตุ้นภูมิคุ้มกันจาการฉีดวัคซีนเพียงเข็มเดียวจะอยู่ได้ไม่นานนัก แต่ภูมิคุ้มกันหลังฉีดวัคซีน mRNA ยังคงอยู่ในระดับที่ดี แม้ผ่านไปนานหลายเดือน อย่างไรก็ตาม ผู้คนที่อยู่ในกลุ่มเปราะบาง เช่น ผู้สูงอายุ หรือระบบภูมิคุ้มกับบกพร่อง อาจต้องไปรับวัคซีนกระตุ้นอย่างสม่ำเสมอ
อาลี เอลเลเบดี (Ali Ellebedy) นักภูมิคุ้มกันวิทยาจากมหาวิทยาลัยวอชิงตัน เซนต์หลุยส์ (Washington University in St. Louis) ยังบอกอีกว่า นี่เป็นสัญญาณดีที่เห็นว่าวัคซีนกระตุ้นภูมิคุ้มกันของเราได้ดีเท่าไร โดยก่อนหน้านี้อาลี และเพื่อนร่วมทีม ได้ร่วมกันศึกษาภูมิคุ้มกันของผู้ที่เคยติด COVID-19 พบว่า ผู้ที่เคยติด COVID-19 อาจไม่ต้องการวัคซีนกระตุ้นเช่นกัน เนื่องจากเซลล์ภูมิคุ้มกันสามารถจดจำไวรัส COVID-19 ได้อย่างน้อย 8 เดือนหลังติดเชื้อ ขณะที่การศึกษาจากทีมอื่น ระบุว่า ภูมิคุ้มกันเหล่านี้จะอยู่ได้อย่างน้อย 1 ปี
และภูมิคุ้มกันหลังติดเชื้อจะยิ่งได้รับการกระตุ้นมากขึ้นอีก หากได้รับวัคซีน Pfizer หรือ Moderna หมายความว่า ผู้ที่ได้รับการกระตุ้นจาก 2 ทาง ภูมิคุ้มกันจะยิ่งอยู่ได้นานมากขึ้น และอาจไม่ต้องฉีดวัคซีน COVID-19 ไปตลอดชีวิต
วัคซีนที่ดี ไม่ใช่วัคซีนที่นำเข้าสู่ร่างกายได้เร็วที่สุด แต่เป็นวัคซีนที่มีประสิทธิภาพป้องกันการติดเชื้อ และระดับความรุนแรงได้อย่างแท้จริง การแพร่ระบาดของ COVID-19 ไม่เพียงแค่ส่งผลกระทบต่อร่างกาย แต่ยังส่งผลถึงระบบเศรษฐกิจ และสาธารณสุข ดังนั้น การเร่งฉีดวัคซีนที่มีประสิทธิภาพป้องกันโรคได้สูง จึงเป็นเรื่องที่ควรเร่งทำในสถานการณ์เช่นนี้
อ้างอิงจาก
https://www.independent.co.uk/…/covid-sars-vaccine…
https://www.nytimes.com/…/coronavirus-vaccines-immunity…