เป็นอีกครั้งที่เกิดคำถามถึงระบบราชการไทยในช่วงวิกฤต COVID-19 โดยผู้ใช้เฟซบุ๊ก Patai Somschun ได้ระบุถึงกรณีของผู้ติดเชื้อ COVID-19 วัย 54 ปีที่ถูกไล่ออกจากห้องเช่า และเข้าไม่ถึงการรักษา
เนื้อหาระบุเอาไว้ว่า “ผู้ติดเชื้อโควิด19 วัย 54 ปี (ตรวจAntigen Test Kit วันที่ 20 ก.ค.)ป่วยโรคหอบ ถูกไล่ออกจากห้องเช่า ไม่ให้เข้าตลาด ต้องมานอนพื้นที่สาธารณะ ลูกชายประสานไปยังโรงพยาบาลตามสิทธิบัตรทอง แต่โรงพยาบาลแจ้งว่าไม่รับตรวจเชื้อโควิด จากนั้นจึงประสานไปยังสายด่วน สปสช. 1330 สายด่วนสถาบันการแพทย์ฉุกเฉินแห่งชาติ 1669 สายด่วนกรมควบคุมโรค 1422 สน.วังทองหลางและสายด่วนกรมการแพทย์ 1668 เพื่อประสานหาเตียงผู้ป่วย
“เจ้าหน้าที่ 1668 แจ้งว่าไม่สามารถรับผู้ป่วยได้ เนื่องจากไม่มีบัตรประชาชน(ผู้ป่วยทำบัตรประชาชนหาย)
“วันที่ 23 กรกฎาคม 2564 ลูกชายประสานไปยังสำนักงานเขตห้วยขว้าง แจ้งว่าพ่ออาศัยอยู่ในเขตพื้นที่ ป่วยโควิดไม่มีเตียงรักษา ไม่มีที่อยู่อาศัย และต้องการติดต่อขอทำบัตรประชาชน
“สำนักงานเขตห้วยขวาง แนะนำว่าให้ติดต่อไปยังสำนักงานเขตคลองสามวา ตามภูมิลำเนาของบิดา เมื่อติดต่อไปยังสำนักงานเขตคลองสามวาตามคำแนะนำ เจ้าหน้าที่แจ้งว่าบิดาต้องได้รับการตรวจเชื้อโควิด-19 และได้รับการรักษาก่อน หลังจากนั้นจึงจะสามารถดำเนินการทำบัตรประชาชนได้ และต้องมีญาติมายืนยันเรื่องเอกสารอีก 2 คน”
กรณีนี้ได้ส่งผลให้ผู้คนตั้งคำถามถึงระบบราชการว่า ได้กลายเป็นอุปสรรคที่ทำให้ผู้ป่วยเข้าถึงการรักษาของแพทย์ได้ช้าเกินไปหรือไม่
ก่อนหน้านี้ วีระศักดิ์ วิจิตร์แสงศรี ผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสาคร ได้เปิดประเด็นเรื่องปัญหาระบบราชการว่า อะไรคือสิ่งสำคัญกว่ากันระหว่าง ‘ระเบียบ’ กับ ‘ความตายของประชาชน’ พร้อมเสนอให้มีการก้าวข้ามระบบราชการที่ยุ่งยากเพื่อช่วยชีวิตประชาชนก่อน
อ้างอิงจาก
https://www.facebook.com/patai.somchun/posts/10222400063808121
https://news.ch7.com/detail/502132
#Brief #TheMATTER