ปัญหาวัคซีนล่าช้า หากไม่มีการตกลงจัดสรรวัคซีน ระหว่างรัฐบาลกับบริษัทผู้ผลิต ที่มีประสิทธิภาพมากพอ คือ การผลิตวัคซีนจากบริษัททำได้อย่างจำกัด โดยปัญหาเหล่านี้เกิดขึ้นจากการที่บริษัทผลิตวัคซีน มีวัตถุดิบในการผลิตไม่มากพอ
วัคซีน COVID-19 ถูกผลิตออกมาในจำนวนหลายพันล้านโดสในรอบปี อย่างไรก็ดี การผลิตวัคซีนสามารถทำได้อย่างจำกัด ซึ่งมันจะส่งผลให้แก่ประเทศ ที่ไม่มีการเจรจาจัดหาวัคซีนแต่เนิ่นๆ ที่ทำให้พวกเขาไม่สามารถเข้าถึงวัคซีนได้มากพอ เนื่องจากแต่ละบริษัทต่างเข้าถึงวัตถุดิบตั้งต้น และอุปกรณ์การผลิตที่มีอยู่อย่างจำกัด โดยปัญหาที่ส่งผลให้การผลิตวัคซีนทำได้ช้า เกิดขึ้นด้วยปัจจัยหลักๆ ดังนี้
ถุงพลาสติกขนาดใหญ่
ฟังแล้วอาจดูประหลาดๆ ว่าถุงพลาสติกเกี่ยวอะไรกับการผลิตวัคซีน แต่ถุงพลาสติกขนาด 2,000 ลิตร มีความสำคัญอย่างมาก ในขั้นตอนการผลิตวัคซีน เนื่องจากทางบริษัทผู้ผลิตวัคซีน ต้องใช้ถุงพลาสติกปลอดเชื้อขนาดใหญ่เหล่านี้ ในการเพาะเลี้ยงเซลล์ของวัคซีน ถุงพลาสติกเหล่านี้ คล้ายกันกับถุงพลาสติกที่ใช้ในอุตสาหกรรมหมักเบียร์เองตามบ้าน
ไส้กรองและท่อพลาสติก
ไส้กรองและท่อพลาสติกเหล่านี้ จะเป็นอุปกรณ์ที่ถูกใช้ครั้งเดียวแล้วทิ้ง และมันสำคัญอย่างมากในขั้นตอนการผลิตวัคซีน เนื่องจากหลอดพลาสติกเหล่านี้ เป็นวัตถุดิบในกระบวนการทางชีววิทยาหลายอย่าง มันจึงมีความจำเป็น ที่จะต้องใช้ครั้งเดียวแล้วทิ้ง เพื่อความสะอาดและปลอดภัย
วัตถุดิบของวัคซีน
อนุภาคนาโนไขมัน มีความจำเป็นอย่างมาก ซึ่งมันเป็นอนุภาคขนาดเล็ก และเป็นวัตถุดิบสำคัญในการผลิตวัคซีนชนิด mRNA อย่าง Pfizer/BioNTecH และ Moderna โดยเวลาปกติก่อนหน้านี้ อนุภาคนาโนไขมันเหล่านี้ ถูกใช้เพื่อห่อบรรจุตัวยาต่างๆ ให้มันสามารถลำเลียงในร่างกายของมนุษย์ได้ดี โดยมันถูกใช้ในจำนวนที่ไม่มาก จนกระทั่งเกิดการแพร่ระบาด ที่ทำให้อนุภาคนาดนไขมันเหล่านี้ขาดตลาด
แรงงานผลิตที่ถูกฝึกฝนมาแล้ว
โรงงานผลิตวัคซีน จำเป็นอย่างมากที่จะต้องอาศัยแรงงานคนในการผลิต หลายโรงงานระบุว่า พวกเขาไม่สามารถหาพนักงาน ที่ได้รับการฝึกฝนเพื่อการผลิตวัคซีนมาได้อย่างเพียงพอ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การขนส่งแรงงานที่ได้รับการฝึกฝนข้ามชาติ จากโรงงานในประเทศหนึ่ง ไปในอีกโรงงานของประเทศหนึ่ง ซึ่งทำได้อย่างจำกัดมาก
ทรัพย์สินทางปัญญา
กฎหมายทรัพย์สินทางปัญญา อาจเป็นอีกหนึ่งอุปสรรคของการผลิตวัคซีน ถึงแม้ว่าสหรัฐฯ จะออกมาให้การสนับสนุนองค์การการค้าโลก (WTO) เพื่อให้มีการผ่อนผันสิทธิบัตรยา ซึ่งจะช่วยให้การผลิตวัคซีนทำได้ง่ายขึ้น ตลอดจนมีกว่า 60 ประเทศ ที่พร้อมจะเอื้อมาตรการสิทธิบัตรให้แก่บริษัทผลิตวัคซีน เพื่อการดำเนินการผลิตทำได้ง่ายขึ้น แต่ลำพังในแต่ละบริษัทกลับไม่สามารถผลิตวัคซีนได้ทันทีทันใด เนื่องจากแต่ละบริษัทเองก็ยังขาดวัตถุดิบ และบุคลากรที่มีความชำนาญในการผลิต โดยอัลเบิรร์ต บูว์ลา ผู้บริหารสูงสุดของ Pfizer กล่าวว่า การผ่อนผันสิทธิบัตร อาจจะทำให้การผลิตวัคซีนในระดับโลกเกิดการตกรางเอาได้ และอาจทำให้บริษัทเล็กๆ ไม่สนใจที่จะพัฒนาวัคซีนของตัวเองต่อ
ปัจจุบันนี้ มีการคาดการณ์ว่าโรงงานผลิตวัคซีนต่างๆ จะสามารถผลิตวัคซีนได้ประมาณ 1.1 หมื่นล้านโดส ในช่วงสิ้น ค.ศ.2021 นี้ แต่พวกเขากลับต้องคาดการณ์ใหม่ เนื่องจากต้องพบกับความจริงที่ว่า การผลิตวัคซีนยังทำได้อย่างจำกัด ตามเหตุผลที่ได้กล่าวไป ทั้งนี้ ธนาคารโลกได้คาดการณ์ว่า หากการผลิตวัคซีน และนำมาฉีดทำได้ช้าลงกว่าเป้าหมาย โลกของเราอาจเกิดภูมิต้านทานหมู่อย่างเร็วที่สุด ก็อาจจะช่วงเดือนมีนาคม ค.ศ.2022 เลยก็ว่าได้
อย่างไรก็ดี COVAX ได้มีความพยายาม ในการเป็นตัวกลางระหว่างบริษัทผลิตวัตถุดิบ และบริษัทผลิตวัคซีน ในการตกลงซื้อวัตถุดิบให้กันและกัน เพื่อลดปัญหาคอขวด โดย COVAX คาดหวังว่า พวกเขาจะกระจายวัคซีนไปยังประเทศต่างๆ ทั่วโลกได้อย่างเท่าเทียม และรวดเร็วมากที่สุด เพื่อให้โลกกลับสู่สถานการณ์ปกติอีกครั้ง
อ้างอิงจาก
https://www.bbc.com/news/health-57024322
https://cepi.net/the-covax-marketplace/
https://www.linkedin.com/pulse/today-i-sent-letter-have-candid-conversation-our-drivers-bourla/
https://cepi.net/news_cepi/covax-manufacturing-task-force/
#Brief #TheMATTER