เมื่อเวลาประมาณ 10.00 น.ของวันนี้ ตัวแทนบุคลากรแพทย์จากกลุ่มต่างๆ หมอไม่ทน, Nurses Connect, IFMSA-Thailand และกลุ่มบุคลากรทางการแพทย์และอาสาสมัคร (DNA) ได้เดินทางไปยื่นหนังสือที่สถานทูตสหรัฐฯ เพื่อเรียกร้องให้สหรัฐฯ ตรวจสอบการจัดสรรวัคซีน Pfizer จำนวน 1.5 ล้านโดสให้ถึงบุคลากรด่านหน้า และประชาชนกลุ่มเสี่ยงอย่างแท้จริง
นพ.ณัฐ ศิริรัตน์บุญขจร ตัวแทนจากกลุ่มบุคลากรทางการแพทย์ได้อ่านข้อเรียกร้อง และมีการยื่นหนังสือ ก่อนจะให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าวว่า เหตุผลที่มาในวันนี้ เพราะนับตั้งแต่มีการยืนยันว่าทางสหรัฐฯ จากบริจาควัคซีน Pfizer ให้ไทย ก็มีข่าวลือออกมาหลายเรื่องเกี่ยวกับการจัดสรรวัคซีนที่ไม่เป็นธรรม ซึ่งอาจทำให้กลุ่มเป้าหมายที่จะได้รับวัคซีนล็อตนี้ ได้รับการจัดสรรน้อยกว่าที่ควร
ดังนั้น ตัวแทนจากบุคลากรแพทย์จึงมายื่นหนังสือเพื่อเรียกร้องให้สหรัฐฯ ตรวจสอบการใช้วัคซีนอย่างโปร่งใสที่สุด ซึ่งเบื้องต้น ตัวแทนจากสถานทูตก็รับฟัง และยังไม่ได้หารือถึงประเด็นใดๆ เพิ่มเติม
พร้อมระบุว่า หลังจากนี้ ทางกลุ่มบุคลากรแพทย์จะจับตาดูการทำงานของรัฐบาลอย่างใกล้ชิด หากยังไม่มีการเปิดเผยข้อมูลการจัดสรรวัคซีนที่ชัดเจนที่สุดว่าจะจัดสรรกลุ่มไหน ตัวเลขเท่าไหร่บ้าง ก็จะพิจารณาเคลื่อนไหวเพิ่มเติมต่อไป
ขณะที่ตัวแทนจากกลุ่มพยาบาลบอกว่า ที่ผ่านมาเข้าใจและยอมรับทั้งหมดว่าสถานการณ์เสี่ยงเพียงใด แต่สิ่งสำคัญคือ เราไม่มีเครื่องมือในการจัดการกับความเสี่ยงใดๆ เลย เราไม่สามารถปกป้องตัวเองได้จากอันตรายต่างๆ เราไม่ได้รับวัคซีนที่มีงานวิจัยรองรับเพียงพอว่าสามารถป้องกันสายพันธุ์ใหม่ๆ ได้อย่างแท้จริง อีกทั้งบุคลากรหลายท่านก็ยังตกค้างในเรื่องของค่าเสี่ยงภัย และหลายคนก็ไม่ได้รับอุปกรณ์ป้องกัน บุคลากรต้องออกเงินเอง
“รัฐบาลเหมือนกำลังส่งบุคลากรด่านหน้าไปตาย เพราะเราไม่สามารถป้องกันชีวิตตัวเองได้เลย เรามีหน้าที่ดูแลชีวิตประชาชนทุกคน และเราอยากทำหน้าที่ตรงนี้ให้ดีที่สุด เพียงแต่สถานการณ์ตอนนี้ เรายังไม่สามารถรับรองความปลอดภัยได้เลย” ตัวแทนจากกลุ่มพยาบาลกล่าว
หากนับจากวันนี้ไปก็เหลืออีกเพียง 2 วันเท่านั้นที่วัคซีน Pfizer จากสหรัฐฯ จะเดินทางมาถึงไทย ซึ่งในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา กลุ่มบุคลากรแพทย์ได้ทำแคมเปญ “จับตา Pfizer” โดยเชิญชวนให้ประชาชนร่วมกันกดดันให้รัฐบาลเปิดเผยข้อมูลจากจัดสรรวัคซีนให้ชัดเจนที่สุด
หลังจากที่ก่อนหน้านี้มีกระแสข่าวว่า ในตอนแรก กลุ่มบุคลากรแพทย์จะได้รับการจัดสรรวัคซีนจากล็อตนี้ 700,000 โดส แต่ลดลงมาเหลือ 500,000 โดส พร้อมๆ กับที่แพทย์หลายคนออกมาแชร์ว่า ถูกกดดันให้ฉีดวัคซีน AstraZeneca เป็นเข็มที่ 3 และไม่มีโอกาสเลือกว่าจะรอ Pfizer หรือไม่ ทำให้เกิดการตั้งคำถามในวงกว้างว่า #เก็บPfizerไว้ให้ใคร
อ้างอิงจาก
https://www.hfocus.org/content/2021/07/22432