รัฐบาลยังคงเดินหน้า ในด้านมาตรการควบคุมสื่อ โดยเฉพาะมาตรการของ พล.อ.ประยุทธ์ จันท์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ในด้านการจัดการกับการเสนอข่าว ที่อาจทำให้ประชาชนเกิดความหวาดกลัว ทั้งนี้ 6 องค์กรวิชาชีพสื่อมวลชน เพิ่งออกแถลงการณ์ขอให้รัฐบาลยกเลิกมาตรการจำกัดเสรีภาพสื่อ
6 องคกรวิชาชีพสื่อ ได้แก่ สภาการสื่อสารมวลชนแห่งชาติ, สภาวิชาชีพข่าววิทยุและโทรทัศน์ไทย, สมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย, สมาคมนักข่าววิทยุและโทรทัศน์ไทย, สมาคมผู้ผลิตข่าวออนไลน์, และสหภาพแรงงานกลางสื่อมวลชนไทย ได้ร่วมกันออกแถลงการณ์ เรียกร้องให้รัฐบาลยกเลิกมาตรการจำกัดเสรีภาพประชาชน และสื่อสารมวลชน จากการประกาศ พ.ร.ก.การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน เรื่องมาตรการเพื่อมิให้การบิดเบือนข้อมูลข่าวสารอันทำให้เกิดความเข้าใจผิด
มาตรการดังกล่าว มีการระบุถึง “ข้อความอันอาจทำให้ประชาชนเกิดความหวาดกลัว หรือเจตนาบิดเบือนข้อมูลข่าวสาร ทำให้เกิดความเข้าใจผิดในสถานการณ์ฉุกเฉิน จนกระทบต่อความมั่นคงของรัฐ หรือความสงบเรียบร้อย หรือศีลธรรมอันดีของประชาชน” โดย 6 องค์กรวิชาชีพสื่อมวลชน ขอให้รัฐบาลทบทวนมาตรการนี้ เพราะอาจเป็นเครื่องมือในการปิดกั้นการนำเสนอข่าว และการแสดงความเห็นโดยสุจริตของประชาชน จนกระทบการรับรู้ข่าวสารได้
ก่อนหน้านี้ เมื่อวันที่ 15 กรกฎาคม พ.ศ.2564 6 องค์กรวิชาชีพสื่อมวลชน ได้ออกแถลงการณ์แสดงความกังวลไปยังรัฐบาล ในประเด็นเดียวกันนี้ แต่กลับพบว่าทางรัฐบาล มีการเมินเฉย โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เมื่อช่วงเย็นของวันที่ 27 กรกฎาคม พ.ศ.2564 ที่ พล.อ.ประยุทธ์ ได้โพสต์ข้อความลงบนเฟซบุ๊ก เพื่อกำชับให้หน่วยงานต่างๆ บังคับใช้มาตรการดังกล่าวอย่างจริงจัง ต่อสื่อมวลชน บุคคลที่มีชื่อเสียง หรือแม้แต่กระทั่งเพจต่างๆ ฯลฯ
ทั้งนี้ 6 องค์กรวิชาชีพสื่อมวลชน ได้ประชุมหารือ และมีความเห็นต่อประเด้นดังกล่าว ดังนี้
1.การยืนยันที่จะบังคับใช้ข้อกำหนดดังกล่าวของนายกรัฐมนตรี ประกอบกับความพยายามของรัฐบาล ที่ข่มขู่และดำเนินคดีกับประชาชน ที่ใช้เสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นตามรัฐธรรมนูญ วิพากษ์วิจารณ์การบริหารประเทศในสถานการณ์การระบาดของโรค COVID-19 ย่อมเป็นการแสดงเจตนาที่ชัดเจน ที่ต้องการจำกัด เสรีภาพในการแสดงความคิดเห็น ของประชาชนและสื่อมวลชน
2.การอ้างว่ารัฐบาล จำเป็นต้องใช้มาตรการนี้ในการจัดการ กับปัญหาสิ่งที่รัฐบาลเรียกว่า “ข่าวปลอม” หรือ Fake News นั้น เป็นการกล่าวอ้างที่ปราศจากความรับผิดชอบ ต่อความล้มเหลวของรัฐบาล ในการสื่อสารกับประชาชน อันเป็นผลมาจากการบริหารราชการที่ผิดพลาด ของนายกรัฐมนตรีเองทั้งสิ้น
ทั้งนี้ ถึงแม้จะมีสื่อมวลชนบางส่วน ได้เคยนำเสนอข่าวที่คลาดเคลื่อนไปจากข้อเท็จจริง แต่ก็มิใช่เป็นการจงใจสร้างข่าวปลอม ตามที่รัฐบาลหรือปฏิบัติการข่าวสาร (IO) ของฝั่งรัฐบาลตีตรา เนื่องจากการเสนอข่าวที่คลาดเคลื่อนเหล่านั้น ไม่ได้มีเจตนาสร้างข่าวเท็จเพื่อหวังผลให้เกิดความเข้าใจผิด หรือเกิดความเสียหาย หากแต่เป็นความผิดพลาดคลาดเคลื่อน ในรายละเอียดของการนำเสนอเชิงวารสารศาสตร์ ซึ่งสื่อที่นำเสนอก็ได้รับผลกระทบ ต่อความน่าเชื่อถือต่อตนเองเช่นกัน อีกทั้งการแสดงความรับผิดชอบ และแก้ไขให้ถูกต้องก็เป็นสิ่งที่ทำให้เกิดความเข้าใจที่ถูกต้องได้
3.องค์กรวิชาชีพสื่อมวลชน ขอเชิญชวนให้สื่อมวลชนและผู้ประกอบวิชาชีพสื่อมวลชนทุกแขนง ร่วมกันแสดงออกในทุกรูปแบบ เพื่อเรียกร้องให้รัฐบาลยกเลิกมาตรการตามข้อกำหนดดังกล่าวโดยพร้อมเพรียงกัน พร้อมทั้งช่วยกันระมัดระวังการเสนอข่าว ให้เป็นไปตามหลักจริยธรรมวิชาชีพสื่อมวลชนอย่างเคร่งครัด เพื่อมิให้รัฐบาล ใช้เป็นข้ออ้างในการจำกัดเสรีภาพการทำหน้าที่ของสื่อมวลชน อันจะกระทบต่อสิทธิในการรับรู้ข้อมูลข่าวสารของประชาชนด้วย
องค์กรวิชาชีพสื่อมวลชนทั้ง 6 องค์กรขอยืนยันในหลักการ “เสรีภาพสื่อเสรีภาพประชาชน” กล่าวคือ การคุกคามเสรีภาพของสื่อมวลชน ย่อมเป็นการคุกคามเสรีภาพในการแสดงออกและเสรีภาพในการรับรู้ข่าวสารของประชาชนเช่นกัน
ดังนั้น จากนี้เป็นต้นไป องค์กรวิชาชีพสื่อมวลชนจะมีกิจกรรม ที่แสดงออกถึงความไม่เห็นด้วย กับการดำเนินการของรัฐบาลในเรื่องนี้อย่างต่อเนื่อง จนกว่ารัฐบาลจะเข้าใจและตระหนักได้ว่า การพยายามจำกัดเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นของประชาชนและสื่อมวลชน ย่อมนำไปสู่ความล่มสลายของรัฐบาลในที่สุด
#Brief #TheMATTER