วันนี้ (30 กรกฎาคม) 6 แนวร่วมบุคลากรแพทย์ ได้แก่ หมอไม่ทน, ภาคีบุคลากรสาธารณสุข, Nurses Connect, DNA บุคลากรทางการแพทย์และอาสาสมัคร, สมาพันธ์นิสิตนักศึกษาแพทย์นานาชาติแห่งประเทศไทย (IFMSA Thailand) และภาคีเทคนิคการแพทย์ ได้เดินทางมายื่นหนังสือเรียกร้องให้เปิดเผยความโปร่งในการการจัดสรรวัคซีน Pfizer และข้อเรียกร้องย่อยอีก 3 ข้อ ซึ่งมีรายละเอียดดังนี้
- นำวัคซีน mRNA มาเป็นวัคซีนตัวหลักสำหรับฉีดในประชาชนในประเทศ
- ชี้แจงความโปร่งใสถึงการจัดสรรวัคซีน Pfizer ที่บริจาคจากสหรัฐฯ ว่าจะจัดสรรไปให้กลุ่มใดบ้าง รวมถึงเปิดเผยข้อมูลว่า ขณะนี้มีบุคลากรแพทย์ที่รับวัคซีน AstraZeneca กระตุ้นเข็มที่ 3 ไปแล้วกี่คนและจะมีบุคลากรแพทย์อีกกี่คนที่อยู่ในรายชื่อได้รับวัคซีน Pfizer
- นำข้อมูลสำคัญที่จะพิสูจน์ความโปร่งใสกลับมาในระบบ Cold Chain Packing ซึ่งเป็นเส้นทางการกระจายวัคซีนโดยระบุยี่ห้อและล็อตต่างๆ และเปิดให้ประชาชนทุกคนเข้าถึงข้อมูลได้อย่างง่ายดายเพื่อแสดงความรับผิดชอบของรัฐบาลต่อประชาชน รวมถึงเปิดให้ประชาชนมีส่วนร่วมในการแก้ไขวิกฤตครั้งนี้
- มีความชัดเจนในการสื่อสารข้อมูลต่างๆ แก่ประชาชน ด้วยการรายงานความคืบหน้าในการจัดสรรวัคซีน รวมทั้งหลักฐานที่อัพเดตอย่างสม่ำเสมอเพื่อไม่ให้เกิดความสับสน โดยข้อมูลของแต่ละหน่วยงานราชการควรเป็นข้อมูลที่เชื่อถือได้
นพ.ปุณณพัฒน์ ทวีพรภูริพงศ์ ตัวแทนภาคีบุคลากรแพทย์ระบุว่า หวังว่ากระทรวงสาธารณสุขจะปรับปรุงและทบทวนการทำงานต่อข้อเรียกร้องข้างต้นเพื่อประโยชน์สูงสุดของประชาชน และหวังว่ารัฐบาลจะเห็นความสำคัญของสุขภาพประชาชนเหนือสิ่งอื่นใด โดยเฉพาะในช่วงเวลาวิกฤตเช่นนี้
ขณะที่ นพ.รุ่งเรือง กิจผาติ โฆษกกระทรวงสาธารณสุข ซึ่งเป็นตัวแทนในการมารับหนังสือเปิดเผยว่า ที่ผ่านกระทรวงสาธารณสุขให้ความสำคัญอย่างยิ่งกับการจัดสรรและการฉีดวัคซีน พร้อมยืนยันว่า วัคซีนบริจาค 1.5 ล้านโดสจะสัดสรรให้บุคลกรแพทย์ที่ทำงานด่านหน้า 500,000-700,000 โดส ซึ่งกระบวนการจัดสรรนั้นมีรายชื่อผู้ได้รับวัคซีนต่างๆ อยู่แล้ว ขอให้มั่นใจว่ากระทรวงสาธารณสุขจะทำงานอย่างโปร่งใสและตรวจสอบได้
หลังจากนั้นตัวแทนจากบุคลกรแพทย์ได้ถามถึงคุณสมบัติของผู้รับวัคซีน Pfizer ว่าบุคลากรแพทย์ที่ยังไม่ได้ฉีด Sinovac 2 เข็มด้วยปัจจัยต่างๆ รวมถึงบุคลากรแพทย์ที่ฉีด AstraZeneca เป็นเข็มที่ 3 มีสิทธิ์ได้รับวัคซีนไฟเซอร์หรือไม่ นพ.รุ่งเรืองระบุว่า ผู้ที่ยังไม่ได้รับวัคซีนเลยจะได้รับการฉีดวัคซีนแน่นอน
ส่วนประเด็นที่คนที่ฉีด AstraZeneca เข็ม 3 ไปแล้วจะได้ Pfizer ไหม ในอนาคตเมื่อมีการนำเข้าวัคซีน Pfizer มากขึ้น ก็จะพิจารณาเพิ่มเติม และเชื่อว่า COVID-19 จะไม่หายไป แต่จะกลายเป็นโรคประจำถิ่น เพราะฉะนั้นมีโอกาสที่การฉีดวัคซีนจะไม่หยุดที่ 3 เข็ม พร้อมย้ำว่า กระทรวงสาธารณสุขจะดูแลแพทย์ด่านหน้าอย่างดี เพื่อให้ระบบสาธารณสุขไทยไปต่อได้
อ้างอิงจาก
https://web.facebook.com/watch/live/?v=350400656641705&ref=watch_permalink