การล็อกดาวน์อาจไม่ได้ช่วยให้หยุดการแพร่เชื้อได้เหมือนเดิม เมื่อโลกกำลังเผชิญกับเชื้อกลายพันธุ์เดลตา ที่สามารถแพร่กระจายได้เร็วขึ้นกว่าหลายเท่าตัว โดยสหรัฐฯ ตัดสินใจว่า ในขณะที่ตัวเลขการติดเชื้อเดลตาในประเทศ กำลังพุ่งสูงขึ้นนั้น พวกเขายืนยันว่าจะไม่ทำการล็อกดาวน์
นพ.แอนโธนี ฟาวชี่ ผู้เชี่ยวชาญและที่ปรึกษาประธานาธิบดี กล่าวย้ำเตือนว่า ตัวเลขการติดเชื้อที่พุ่งสูงขึ้นในตอนนี้ ยังไม่อาจจะนับเป็นการระบาดใหญ่อีกครั้งในประเทศได้ แต่เขาเชื่อว่า สถานการณ์ของสหรัฐฯ อาจจะแย่ลง และกลับไปใกล้เคียงกับการระบาดในช่วงฤดูหนาวที่ผ่านมา
การติดเชื้อใหม่ในสหรัฐฯ ยังคงเกิดขึ้นในประชาชน ที่ยังไม่ได้รับการฉีดวัคซีน ด้วยข้อมูลเหล่านี้ จึงทำให้ทางการของสหรัฐฯ ยังคงตัดสินใจ ที่จะไม่ทำการล็อกดาวน์ โดยปัจจุบันนี้ ตัวเลขการติดเชื้อในสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นจาก 10 วันก่อนมาประมาณ 2 เท่าตัว
อย่างไรก็ดี สหรัฐฯ ยืนยันว่า พวกเขาจะเดินหน้าฉีดวัคซีนเพิ่มให้ได้มากที่สุด “ยิ่งเราฉีดวัคซีนได้มาก ตัวเลขการติดเชื้อก็จะยิ่งต่ำลง” ฟาวชี่กล่าว โดยการจะหยุดเชื้อเดลตาได้ คือการฉีดวัคซีนที่มีประสิทธิภาพสูง เพื่อหยุดยั้งการแพร่ระบาดของเชื้อเดลตา
มีการคาดการณ์ว่า ถึงแม้ว่าสหรัฐฯ จะไม่ทำการล็อกดาวน์ แต่เชื้อเดลตาเอง จะยังคงส่งผลต่อเศรษฐกิจของพวกเขา นีล คัชคารี ประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ ระบุกับ CBS ว่า เชื้อเดลตากำลังระบาดในกลุ่มแรงงาน ซึ่งทำหน้าที่ขับเคลื่อนเศรษฐกิจของพวกเขา โดยการติดเชื้อเดลตาในกลุ่มแรงงาน จะทำให้การฟื้นตัวในตลาดแรงงานสหรัฐฯ ชะลอตัวลง
ปัจจุบัน สหรัฐฯ มีประชากรที่ได้รับวัคซีนแล้วอย่างน้อย 1 โดส ที่ 58 เปอร์เซ็นต์ “เรามีประชาชนในประเทศกว่า 100 ล้านคน ที่อยู่ในข่ายสามารถรับวัคซีนได้ แต่กลับยังไม่ไปรับการฉีดวัคซีน” ฟาวชี่กล่าว อย่างไรก็ดี ตัวเลขการฉีดวัคซีนในสหรัฐฯ เริ่มกลับมาพุ่งสูงมากขึ้น หลังจากที่มันมีอัตราชะลอตัวลง ในหลายสัปดาห์ที่ผ่านมา
อ้างอิงจาก
#Brief #TheMATTER