นอกจากขาดแคลนเตียง และบุคลากรแพทย์ อีกหนึ่งปัญหาที่ไทยเผชิญคือ ยาฟาวิพิราเวียร์ที่เป็นยาตัวหลักในการรักษาผู้ป่วย COVID-19 อาจกลายเป็นสิ่งหายาก โดยโรงพยาบาลสนามธรรมศาสตร์ออกมาเตือนว่า หากยังมีผู้ป่วยใหม่ในระดับนี้และต้องดำเนินการตามนโยบายให้ผู้ป่วยเข้าถึงยาอย่างเร็วตามที่ สธ.กำหนด ภายในสัปดาห์หน้า ประเทศจะขาดยาฟาวิพิราเวียร์อย่างแน่นอน
โรงพยาบาลสนามธรรมศาสตร์ได้ออกมาโพสต์ผ่านเฟซบุ๊กแฟนเพจว่า การที่จำนวนผู้ป่วยใหม่รายวันมีแนวโน้มจะอยู่ที่ตัวเลขใกล้ 2 หมื่นรายเช่นนี้ไป 1-2 สัปดาห์ ทำให้หลังจากนี้จำเป็นต้องมีการกำหนดแผนการในระดับประเทศ
โดยเมื่อไม่กี่วันก่อน สภาเภสัชกรรมออกมาแถลงการณ์เตือนว่า ต่อให้องค์การเภสัชกรรมของไทยจะผลิตฟาวิพิราเวียร์ได้เอง แต่ศักยภาพการผลิตของไทยจะอยู่ที่เดือนละ 2-3 ล้านเม็ด ดังนั้น หากมีผู้ป่วยรายวันในระดับเกือบแตะ 2 หมื่นรายเช่นนี้ต่อไป ประกอบกับสาธารณสุขมีนโยบายให้ผู้ป่วยเข้าถึงยาอย่างรวดเร็วตามข้อกำหนด ประเทศอาจต้องใช้ยาฟาวิพิราเวียร์ถึง 1 ล้านเม็ดต่อวัน (ผู้ป่วย 1 คนใช้ยาโดสละ 50 เม็ด)
และนั่นจะทำให้ภายในสัปดาห์หน้า ประเทศจะขาดแคลนยาฟาวิพิราเวียร์อย่างแน่นอน หากรัฐบาลไม่เร่งดำเนินการให้โรงงานผลิตยาของเอกชนที่มีมาตรฐานสูงมาช่วยผลิตยาเพิ่มจากที่องค์การเภสัชกรรมทำอยู่
โรงพยาบาลสนามธรรมศาสตร์ระบุว่า คำเตือนของสภาวิชาชีพเภสัชกรรมถือเป็นการประเมินความต้องการใช้ยาระดับประเทศที่น่าเชื่อถือมากที่สุด เพราะยาฟาวิพิราเวียร์ซึ่งเป็นยาที่ใช้กับผู้ป่วย COVID-19 ทุกเม็ดในโรงพยาบาลล้วนถูกสั่งจ่ายออกไปโดยสมาชิกสภาวิชาชีพเภสัชกรรมทั้งสิ้น
ทางโรงพยาบาลสนามธรรมศาสตร์ หวังว่าหลังจากนี้รัฐบาลจะตัดสินใจในประเด็นนี้อย่างเร็วที่สุด รวมถึงมีการชี้แจงเหตุผลของการตัดสินใจขั้นตอนต่างๆ อย่างชัดเจน เพราะหากไม่ทำอะไรเลยในเวลานี้ ประมาณช่วงกลางเดือนสิงหาคม นอกจากจะเจอปัญหาวัคซีนขาด เตียงขาด ต่อไป ยารักษาโรคก็อาจจะขาดด้วย
อ้างอิงจาก
https://web.facebook.com/TUFHforCOVID19/posts/359284055715436
https://www.matichon.co.th/local/news_2862116