ตามปกติ การตรวจหาเชื้อเอชไอวี (HIV) ที่โรงพยาบาลต้องใช้เวลาอย่างน้อย 1 วัน อีกทั้งยังต้องเดินทางไปพบแพทย์ ซึ่งอาจทำให้หลายคนรู้สึกไม่สะดวกใจ แต่หลังจากนี้คนไทยจะเข้าถึงการตรวจ HIV ได้ง่ายขึ้น เนื่องจากมีการนำเข้า INSTI HIV Self Test ซึ่งเป็นชุดตรวจหาเชื้อ HIV ด้วยตัวเองมาจำหน่ายในไทยเป็นครั้งแรกในวันที่ 5 สิงหาคมนี้
INSTI HIV Self Test เป็นชุดตรวจที่ใช้วิธีการเจาะเลือดที่ปลายนิ้ว และสามารถรู้ผลภายใน 1 นาที ชุดตรวจนี้ผ่านการรองรับโดยสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (FDA) สำนักงานสาธารณสุขแคนาดา (Health Canada) รวมถึงได้รับการรับรองมาตรฐาน CE และ WHO Pre-Qualified หลังผ่านการทดสอบมานับครั้งไม่ถ้วน และเมื่อวันที่ 28 มิถุนายน อย.ของไทยก็ได้ตรวจสอบและอนุมัติใช้แล้วเช่นกัน
INSTI HIV Self Test ถือเป็นชุดตรวจ HIV ที่รู้ผลเร็วที่สุดในโลกตอนนี้ โดยชุดตรวจจะแจ้งผลทันทีหรือหลังหยดน้ำยาขวดสุดท้าย ขณะที่ยี่ห้ออื่นๆ ต้องรอผลประมาณ 15-30 นาที นอกจากนี้ INSTI HIV Self Test ยังสามารถตรวจแอนติบอดีต่อเชื้อ HIV ได้ด้วยเลือดเพียงหยดเดียว และให้ผลเร็วกว่าชุดตรวจยี่ห้ออื่นถึง 2 สัปดาห์ และมีผลลัพธ์แม่นยำถึง 99%
การมีชุดตรวจ HIV ด้วยตัวเอง ทำให้ผู้ที่สงสัยว่าอาจติดเชื้อดังกล่าวสามารถเข้าถึงการตรวจได้ง่ายขึ้นและรวดเร็วมากขึ้น รวมถึงยังเป็นข้อดีสำหรับการคัดกรองล่วงหน้าก่อนเข้ารับการตรวจยืนยันผลอีกครั้งที่โรงพยาบาล โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสถานการณ์เช่นนี้ที่การไปโรงพยาบาลอาจเป็นการเพิ่มความเสี่ยงติดเชื้อ COVID-19
การรู้ผลตรวจเร็วไม่เพียงแต่ช่วยให้เราเรียนรู้ที่จะรับมือกับ HIV ได้เร็วเท่านั้น แต่ยังเป็นการลดความเสี่ยง หากเข้ารับการรักษาตัวในโรงพยาบาลตั้งแต่เนิ่นๆ โดยจากการสำรวจของ UNAIDS เปิดเผยว่าในปี ค.ศ.2020 ที่ผ่านมา ประเทศไทยมีผู้อยู่ร่วมกับเชื้อ HIV ทั้งหมดกว่า 500,000 คน โดยมีผู้ที่ติดเชื้อใหม่ประมาณ 6,600 คน หรือ 0.10% ต่อประชากร 1,000 คน
และในบรรดาผู้ติดเชื้อใหม่มีผู้ที่รู้สถานะผลเลือดตัวเอง 92.46% มีผู้ที่อยู่ร่วมกับเชื้อ HIV ที่เข้าสู่กระบวนการรักษาแล้ว 74.98% และมีผู้ที่รักษาจนระดับเชื้อไวรัสต่อเลือด 1 หยดเหลือน้อยกว่า 40 ตัว 72.94%