โลกกำลังเผชิญหน้ากับการระบาดหนักของ COVID-19 สายพันธุ์เดลตา ท่ามกลางความกังวลว่าจะมีเชื้อกลายพันธุ์ชนิดใหม่ โผล่ขึ้นมาบนมุมไหนของโลกหรือไม่ อย่างไรก็ดี เพิ่งมีผู้เชี่ยวชาญจากสหราชอาณาจักรออกมาระบุว่า COVID-19 อาจไม่กลายพันธุ์ไปมากกว่านี้แล้ว
เมื่อถามถึงคำถามว่า โลกของเราจะเจอกับ COVID-19 สายพันธุ์กลายพันธุ์ชนิดใหม่ ที่น่ากังวลอีกหรือไม่ ฟร็องซัวส์ บอลลูซ์ ผู้อำนวยการสถาบันพันธุศาสตร์ มหาวิทยาลัยคอลเลจลอนดอน ตอบว่า โลกของเราไม่ได้เจอเชื้อกลายพันธุ์ COVID-19 ชนิดใหม่มาสักพักแล้ว โดยเชื้อกลายพันธุ์ที่น่ากังวล 4 สายพันธุ์ ได้แก่ อัลฟา เบตา แกมมา และเดลตา เกิดขึ้นในช่วงครึ่งหลังของ ค.ศ.2020 และที่สำคัญคือไวรัสมักมีระยะเวลา ในการกลายพันธุ์ตัวเอง ณ ช่วงเวลาใกล้ๆ กัน
บอลลูซ์ กล่าวว่า การกลายพันธุ์ในเชื้ออัลฟา เกิดขึ้นจากการที่มีผู้ป่วย COVID-19 สายพันธุ์อู่ฮั่น ที่ติดเชื้อและป่วยยาวนาน หรือเป็นผู้มีระบบภูมิคุ้มกันในร่างกายที่ไม่แข็งแรง ในขณะที่เชื้อ เบตา แกมมา และเดลตา เกิดขึ้นจากการกลายพันธุ์ทีละนิดละหน่อยของเชื้อไวรัสเอง ทั้งนี้ ยังคงยากทีจะคาดการณ์ได้ว่า จะมีการเกิดเชื้อไวรัสสายพันธุ์กลายพันธุ์ใหม่ๆ อีกหรือไม่
อย่างไรก็ดี มีงานวิจัยจาก SAGE ระบุว่า เราอาจจะเจอกับ COVID-19 เชื้อกลายพันธุ์ ที่รุนแรงมากกว่าเดิม และสามารถฆ่าคนจำนวน 1 ใน 3 ของผู้ติดเชื้อได้ แต่บอลลูซ์เสนอว่า โอกาสที่จะเกิดไวรัสที่รุนแรงขนาดนั้น ยากที่เกิดขึ้นมาก
บอลลูซ์กล่าวเสริมว่า ไวรัสระบบทางเดินหายใจในโลกเราตอนนี้ มีกว่า 200 ชนิด ซึ่งมันไหลเวียนอยู่ในตัวของเรา และเรามักติดเชื้อจากพวกมันอยู่บ่อยครั้ง แต่ยังไม่มีกรณีที่พบเห็นได้ว่า ไวรัสจะกลายพันธุ์จนส่งผลให้เกิดการตายอย่างกระทันหัน บอลลูซ์กล่าวว่าไวรัสที่มีอนุภาพรุนแรงขนาดนั้น จะมีโอกาสเกิดขึ้นได้ยิ่งกว่าการถูกรางวัลที่หนึ่งเสียอีก ทั้งนี้ มีนักวิทยาศาสตร์เสนอว่า หากไวรัสกลายพันธุ์ตัวมันเองไปมากกว่านี้ มันอาจไปถึงจุดที่ตัวเชื้อไวรัส ไม่สามารถอยู่อาศัยร่วมกับร่างกายมนุษย์ได้
สำหรับความกังวลว่า จะมีไวรัสกลายพันธุ์ตัวใหม่ ที่สามารถหลบหลีกวัคซีนได้ดีกว่าเชื้อกลายพันธุ์ที่มีอยู่นั้น บอลลูซ์ระบุว่า มันต้องอาศัยการกลายพันธุ์กว่า 1-2 ครั้ง กว่าที่เชื้อจะสามารถหลบหลีกวัคซีนได้ และด้วยเวลาที่ไวรัสจะค่อยๆ กลายพันธุ์ตัวเองไป มนุษย์จะมีเวลาในการพัฒนาวัคซีนไปในตัว แต่ถึงแม้ว่าไวรัสจะกลายพันธุ์และหลบหลีกวัคซีนได้ดี มันก็จะส่งผลแค่เรื่องการแพร่เชื้อและติดเชื้อเท่านั้น แต่วัคซีนจะยังคงช่วยลดอัตราการป่วยหนัก และการเสียชีวิตได้เช่นเคย คนที่ตกอยู่ในอันตรายที่สุด จึงหนีไม่พ้นคนที่ยังไม่ได้รับการฉีดวัคซีน
อ้างอิงจาก
#Brief #TheMATTER