สถานการณ์แพร่ระบาดของ COVID-19 นำมาสู่มาตรการที่ส่งผลให้ต้องปิดกิจการต่างๆ อย่างเลี่ยงไม่ได้ แน่นอนว่าการปิดกิจการชั่วคราวในแต่ละครั้งกระทบเจ้าของธุรกิจมากมาย โดยเฉพาะเหล่าผู้ประกอบการรายย่อยและแรงงาน หนึ่งในวิธีที่ช่วยเยียวยานายจ้างและลูกจ้างคือขยายมาตรการพักหนี้ เพื่อช่วยหล่อเลี้ยงสภาพคล่องทางการเงิน รวมทั้งบรรเทาความเดือดร้อนที่ได้รับจากการขาดรายได้ในช่วงที่ต้องปิดกิจการ ล่าสุดสถาบันการเงินได้หารือกับ ธปท. เพื่อขยายเวลาพักหนี้ไปจนถึงสิ้นปี ด้วยเห็นว่าแนวโน้มวิกฤตโควิดยังอยู่อีกนาน
เดิมทีสมาคมธนาคารไทยได้ประสานกับธนาคารสมาชิก เพื่อดำเนินการขยายพักหนี้เป็นเวลา 2 เดือนไปเมื่อเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา ผู้ประกอบการและลูกจ้างสามารถพักการส่งเงินต้นและดอกเบี้ยได้ โดยที่ไม่คิดดอกเบี้ยเพิ่มในช่วงที่ต้องพักหนี้ ทั้งนี้ มาตรการดังกล่าวจะใช้กับผู้ที่อยู่ใน 29 จังหวัดที่เป็นพื้นที่สีแดงเข้ม พร้อมเปิดให้แจ้งความประสงค์รับความช่วยเหลือผ่านช่องทางต่างๆ ไปจนถึงวันที่ 15 สิงหาคม นี้
ต่อมา ได้ก็มีรายงานว่าสมาคมธนาคารอยู่ในขั้นหารือกับธนาคารแห่งประเทศไทยเกี่ยวกับการช่วยเหลือลูกหนี้ที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาด โดยวางไว้ว่าอาจขยายเวลาการพักหนี้ออกไปอีกประมาณ 4–6 เดือน เพราะเล็งเห็นว่ามาตรการเดิมว่าด้วยการพักชำระหนี้เป็นเวลา 2 เดือนนั้น อาจไม่เพียงพอต่อการช่วยเหลือผู้ประกอบการและแรงงาน การแพร่ระบาดเองก็มีแนวโน้มยืดเยื้อและลากยาว
ส่วนเหตุผลที่ว่าทำไมต้องหารือถึงการขยายเวลาพักหนี้อีกครั้ง ก็เป็นเพราะข้อกำหนดหรือเงื่อนไขของ ธปท. ที่ไม่เอื้อให้ธนาคารหรือสถาบันการเงินทั้งหลายสามารถพักการจ่ายเงินต้นและดอกเบี้ยของลูกหนี้เป็นระยะเวลานานกว่า 2 เดือนได้
เดิมที ธปท. ได้ให้สถาบันการเงินรับรู้รายได้ดอกเบี้ยในช่วงที่มีการพักหนี้เมื่อปีที่แล้ว ซึ่งมีการพักชำระเงินต้นและดอกเบี้ยเป็นเวลา 6 เดือน แต่ตอนนี้ไม่ได้ให้บันทึกดอกเบี้ยที่ว่าเป็นรายได้แล้ว เมื่อจะวางแผนหาแนวทางขยายเวลาพักหนี้ติดต่อกันนานกว่า 2 เดือน จึงต้องหารือกับ ธปท. อย่างเป็นทางการ เพื่อให้ช่วยปรับผ่อนผันเกณฑ์การรับรู้รายได้ตรงนี้ และดำเนินการต่อไปได้
ทั้งนี้ การขยายเวลาพักหนี้ถึงสิ้นปียังอยู่ในขั้นพูดคุยหารือกันระหว่างฝั่งสมาคมธนาคารกับ ธปท. ซึ่งจะนำเข้าประชุมและลงมติให้ชัดเจน คาดว่าจะได้ผลสรุปทั้งหมดช่วงปลายเดือนสิงหาคม
เมื่อย้อนกลับมาดูสถานการณ์การช่วยเหลือลูกหนี้ที่ได้รับผลกระทบการแพร่ระบาดนั้น ปัจจุบันสมาคมธนาคารไทยและสมาชิกต่างช่วยเหลือลูกค้าของสถาบันการเงินเสมอ โดยมีผู้เข้ารับการช่วยเหลือในโครงการ ‘พักหนี้-ปรับโครงสร้างหนี้’ 1.89 ล้านบัญชี หรือก็คือ สถาบันการเงินกำลังอุ้มลูกหนี้ คิดมูลหนี้รวมเป็น 2 ล้านล้านบาท ซึ่งตัวเลขดังกล่าวมีโอกาสกลายเป็นหนี้เสียได้สูง
นอกจากนี้ ธนาคารทุกที่ก็มีมาตรการช่วยเหลือลูกค้าของตัวเองอย่างเต็มที่ โดยธนาคารพาณิชย์และธนาคารรัฐแต่ละแห่งต่างมีลูกค้าเข้ามาขอพักชำระหนี้เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ
พอว่ากันถึงภาพรวมของธุรกิจการเงินและธนาคารแล้ว บริษัท ทิสโก้ไฟแนนเชียลกรุ๊ป จำกัด หรือกลุ่มทิสโก้ เผยว่าธุรกิจแบงก์จะถึงจุดต่ำสุดในไตรมาส 3 โดยมีแนวโน้มเกิดหนี้เสียเพิ่มขึ้นจากการเข้ามาขอยื่นพักหนี้ตามแนวทาง ธปท. อีกทั้งการทำกำไรก็มีแนวโน้มลดลง เพราะคนต้องการยื่นกู้สินเชื่อลดลง
อ้างอิงจากข้อมูลจาก