“นิรโทษกรรม” น่าจะเป็นกระบวนวิธีล้มล้างความผิดที่คุ้นหูใครหลายคน โดยเฉพาะในช่วงนี้ ที่มีกระแสข่าวว่า กระทรวงสาธารณสุขกำลังจัดทำร่าง พ.ร.ก.จำกัดความรับผิดของบุคลากรสาธารณสุขฯ เพื่อนิรโทษกรรมให้ผู้ที่เกี่ยวข้องกับการบริหารวัคซีน COVID-19 ไม่ถือว่ามีความผิด หากในอนาคตมีการตัดสินว่าบริหารจัดการผิดพลาด
ร่าง พ.ร.ก.จำกัดความรับผิดบุคลากรสาธารณสุขรักษาผู้ป่วยโควิด19 คืออะไร มันมาได้อย่างไร และจะส่งผลต่ออะไรบ้าง The MATTER จะสรุปให้ฟัง
- ร่าง พ.ร.ก.จำกัดความรับผิดบุคลากรสาธารณสุขรักษาผู้ป่วยโควิด19 (ต่อไปจะเรียกสั้นๆ ว่า พ.ร.ก.จำกัดความรับผิดชอบฯ) มาอยู่ในความสนใจของสังคม หลัง วิโรจน์ ลักขณาอดิศร ส.ส.พรรคก้าวไกล โพสต์เอกสารที่เกี่ยวข้องกับ พ.ร.ก.จำกัดความรับผิดฯ ที่ปรากฏชื่อ นพ.ธเรศ กรัษนัยรวิวงค์ อธิบดีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพเป็นผู้จัดทำ ผ่านทางเฟซบุ๊กเมื่อวันที่ 6 สิงหาคมที่ผ่านมา
- อธิบายคร่าวๆ ก่อนว่า พ.ร.ก.จำกัดความรับผิดชอบฯ เป็นกฎหมายที่ออกมาเพื่อสถานการณ์การระบาด COVID-19 โดยเฉพาะ
เนื่องจากการระบาดนี้ ต้องอาศัยความร่วมมือจากแพทย์ พยาบาล อาสาสมัคร รวมถึงจากเจ้าหน้าที่สาธารณสุขทุกภาคส่วน พ.ร.ก.จำกัดความรับผิดชอบฯ จึงออกมาเพื่อปกป้องผู้ปฏิบัติงานจากการถูกฟ้องร้อง หากเกิดกรณีปฏิบัติงานผิดพลาดจนเกิดความเสียหายใดๆ ตามหลัง
- สำหรับผู้ที่จะได้รับการคุ้มครองตาม พ.ร.ก.จำกัดความรับผิดชอบฯ ฉบับนี้จะแบ่งเป็น 7 กลุ่ม ได้แก่
3.1 ผู้ประกอบโรคศิลปะตามกฎหมายว่าด้วยการประกอบโรคศิลปะ
3.2 ผู้ประกอบวิชาชีพทางการแพทย์และสาธารณสุขตามกฎหมายที่เกี่ยวกับการแพทย์และสาธารณสุข
3.3 ผู้ปฏิบัติการตามกฎหมายว่าด้วยการแพทย์
3.4 อาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้านตามระเบียบกระทรวงสาธารณสุขว่าด้วยอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน
3.5 อาสาสมัครเฉพาะกิจ
3.6 บุคคลที่ได้รับการร้องขอจากผู้ประกอบวิชาชีพเพื่อให้ปฏิบัติงานตามพระราชกำหนด
3.7 บุคคล / คณะบุคคลที่ได้รับการแต่งตั้งหรือมอบหมายจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการจัดหาหรือบริหารวัคซีนฉุกเฉิน
- ซึ่งตรงข้อ 3.7 “บุคคล/คณะบุคคลที่ได้รับการแต่งตั้งหรือมอบหมายจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการจัดหาหรือบริหารวัคซีน” ยังมีเงื่อนไขเพิ่มเติมคือ
– ต้องเป็นการปฏิบัติหน้าที่ตามที่ได้รับการแต่งตั้งหรือมอบหมายจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
– ไม่ได้กระทำด้วยความจงใจให้เกิดความเสียหาย เว้นแต่กรณีจำเป็นเพื่อประโยชน์ราชการ
– ไม่ได้ทำด้วยความประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรง
- นอกจากนี้ พ.ร.ก.จำกัดความรับผิดชอบฯ ยังมีผลคุ้มครองย้อนหลังด้วย โดยในบทเฉพาะกาลระบุว่า บรรดาคดีที่เกี่ยวกับการติดเชื้อ COVID-19 ซึ่งเกิดขึ้นนับตั้งแต่วันที่ประกาศกำหนดให้โรคติดต่อโคโรนาไวรัสเป็นโรคติดต่ออันตรายตามกฎหมายว่าด้วยโรคติดต่อ (1 มีนาคม 2563) ให้ได้รับการ “ยกเว้น” ความผิดทางแพ่งและอาญา ความผิดทางละเมิดของเจ้าหน้าที่หรือทางวินัย
- ทั้งการออกเกณฑ์คุ้มครองทีมผู้บริหารวัคซีน การออกเงื่อนไขมาเสริม และการใช้สิทธิคุ้มครองย้อนหลัง ทำให้เกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์จากประชาชน
หลายคนมองว่าเงื่อนไขเหล่านี้สร้างขึ้นพื่อให้เปิดช่องให้ทีมบริหารวัคซีนเข้าเกณฑ์การคุ้มครอง เพราะสามารถอ้างได้ว่าทำไปโดยไม่ตั้งใจ ซึ่งท้ายที่สุด บุคคลที่เกี่ยวข้องกับการจัดซื้อหรือจัดสรรวัคซีนอาจจะไม่ได้รับโทษ หากในอนาคตมีการตัดสินหรือฟ้องร้องว่าปฏิบัติงานล้มเหลวผิดพลาด
- อย่างไรก็ตาม นพ.ธเรศ ชี้แจงว่า ร่าง พ.ร.ก.ฉบับนี้เป็นเหมือนเกราะป้องกันให้ผู้ปฏิบัติงานสาธารณสุขจากการถูกฟ้องร้อง และออกมาเพื่อสร้างขวัญกำลังใจให้ผู้ปฏิบัติงาน เพื่อไม่ต้องกังวลหากเกิดข้อผิดพลาดใดๆ ขึ้น
- แต่คำชี้แจงนั้น ผู้ใช้โซเชียลมีเดียบางส่วนมองว่าเป็นเพียงข้ออ้างในการออก พ.ร.ก.ฉบับนี้ขึ้นมา เพราะประชาชนส่วนใหญ่เองก็เข้าใจการทำงานของแพทย์และเจ้าหน้าที่ดีอยู่แล้ว
- และอย่างที่รู้กันว่าหนึ่งในสาเหตุที่ประเทศของเรามาถึงจุดวิกฤตของการระบาด ส่วนหนึ่งก็เป็นเพราะการบริหารจัดการวัคซีนที่ล่าช้า ประกอบกับหนึ่งในวัคซีนตัวหลักที่ใช้ในไทยตอนนี้ เป็นวัคซีนที่มีประสิทธิภาพไม่ดีนักเมื่อต้องเจอกับไวรัสกลายพันธุ์
- ปัญหาที่กล่าวไปข้างต้นทำให้ประชาชนส่วนใหญ่ยังไม่ได้รับวัคซีน ไม่มีเกราะป้องกันโรค และกลายเป็นพาหะแพร่เชื้อไปเรื่อยๆ โดยไม่รู้ตัว ส่วนคนที่ฉีดวัคซีนแล้วก็ยังติดเชื้อได้ และบางรายมีอาการหนัก ทำให้มีผู้เสียชีวิตทั้งในโรงพยาบาล บ้าน และริมถนน ภาพเหล่านี้ทำให้หลายคนมองอดคิดไม่ได้ว่า ต้นเหตุนั้นมาจากการบริหารจัดการวัคซีนที่ล้มเหลว และเกิดขึ้นบ่อยครั้ง จนเกินจะเรียกว่าไม่ตั้งใจ
- หลายคนมองว่า นี่เป็นเวลามากกว่า 1 ปีแล้วนับตั้งแต่เกิดการระบาด และที่ผ่านมา ทั้งผู้เชี่ยวชาญ คณาจารย์ แพทย์ พยาบาล และองค์กรมากมายต่างออกมาให้คำแนะนำถึงการซื้อวัคซีน แต่ทีมบริหารวัคซีนของรัฐก็ยังคงเพิกเฉย และยืนยันที่จะจัดซื้อวัคซีนที่ประชาชนหลายคนไม่เห็นด้วยมาฉีด แทนที่จะติดต่อซื้อวัคซีน mRNA ตั้งแต่แรก ซึ่งหากเป็นเช่นนั้น สถานการณ์ปัจจุบันคงไม่วิกฤตขนาดนี้
- อาจารย์พรสันต์ เลี้ยงบุญเลิศชัย อาจารย์ประจำคณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้ออกมาแสดงความเห็นถึง พ.ร.ก.ฉบับนี้เช่นกัน โดยอาจารย์พรสันต์บอกว่า “ในความเห็นของผม แน่นอนว่า นอกจากข้อ 7(3.7) ซึ่งสามารถสะท้อนให้ได้ว่า ผู้เสนอร่างกฎหมาย มีเจตนาเช่นไร” ร่าง พ.ร.ก.จำกัดความรับผิดชอบฯ หากประกาศใช้จริง อาจมีบางประเด็นที่ไม่เข้าเกณฑ์ตามบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญ ม.172
อาจารย์พรสันต์อธิบายว่า ม.172 กำหนดเงื่อนไขสำหรับ ค.ร.ม. ในการออก พ.ร.ก. ไว้อย่างน้อย 2 ประการคือ “ต้องเป็นกรณีจำเป็นฉุกเฉินเร่งด่วนและหลีกเลี่ยงไม่ได้ และเพื่อประโยชน์ในการที่จะรักษาความปลอดภัยของประเทศ ความปลอดภัยสาธารณะ ความมั่นคงในทางเศรษฐกิจของประเทศ หรือป้องปัดภัยพิบัติสาธารณะ”
ซึ่งส่วนตัวอาจารย์พรสันต์ มองว่าร่าง พ.ร.ก. ฉบับนี้ไม่เข้าเกณฑ์เพราะไม่ใช่กรณีที่มีความจำเป็นฉุกเฉินถึงขนาดหลีกเลี่ยงไม่ได้ขนาดนั้น และเนื้อหาสาระของร่าง พ.ร.ก. ฉบับนี้ไม่ได้ชี้ให้เห็นว่าออกมาเพื่อรักษาความปลอดภัยสาธารณะอย่างชัดเจน จึงไม่มีเหตุผลที่จะเสนอร่างกฎหมายฉบับนี้ในรูปแบบของ พ.ร.ก.
พร้อมระบุว่า ขณะนี้รัฐบาลมี พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ ใช้อยู่แล้ว ซึ่งก็มีโครงสร้างของบทคุ้มครองความผิดเจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติทำนองเดียวกัน ก่อนจะทิ้งท้ายว่า หากยังคงยืนยันว่าต้องการออกกฎหมายฉบับนี้จริง รัฐบาลก็พึงต้องเสนออยู่ในรูปแบบของกฎหมายปกติอย่าง พ.ร.บ. ที่ต้องผ่านการพิจารณาตรวจสอบของรัฐสภาตามกระบวนการต่อไป
- อย่างไรก็ตาม ร่างกฎหมายนี้ยังไม่ได้เสนอต่อหน่วยงานที่เกี่ยวข้องใดๆ โดย นพ.ธเรศ กรัษนัยรวิวงค์ อธิบดีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ (สบส.) บอกว่า พ.ร.ก.ดังกล่าวอยู่ในระหว่างสอบถามความเห็น เพื่อนำมาปรับปรุง จากนั้นจะเสนอให้กระทรวงสาธารณสุขพิจารณา จึงจะเสนอให้คณะรัฐมนตรี (ครม.) ต่อไป
ซึ่งหลังจากนี้ประชาชนก็ต้องจับตากระบวนการทำ พ.ร.ก.จำกัดความรับผิดชอบฯ ฉบับนี้อย่างใกล้ชิดว่าจะมีทิศทางอย่างไร จนกว่าจะประกาศใช้จริง
อ้างอิงจาก
http://www.hsscovid.com/img/law2.pdf
https://www.matichon.co.th/politics/news_2870820
https://drive.google.com/…/1QsC3KxcyVWtqJDZgYAe…/view…
https://web.facebook.com/pornson.liengboonlertchai/posts/10159786225075979
https://www.thairath.co.th/news/politic/2162112
https://www.bangkokbiznews.com/news/detail/953589