นพ.ทศพร เสรีรักษ์ พร้อมด้วย พญ.ของขวัญ ฟูจิตนิรันดร์ ตัวแทนประชาชน นักศึกษา และบุคลากรสาธารณสุขได้เดินทางไปพบอนุทิน ชาญวีรกุล รัฐมนตรีกระทรวงสาธารณสุข เพื่อยื่นหนังสือขอความชัดเจนโปร่งใสในการจัดสรรวัคซีนไฟเซอร์
หมอทศพร หมอของขวัญ รวมถึงสิริลภัส กองตระการ (หมิว) นักแสดงอิสระ และกลุ่มประชาชน ได้หารือกับอนุทิน นพ.สุระ วิเศษศักดิ์ รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข, นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดี กรมควบคุมโรค และเจ้าหน้าที่สาธารณสุขคนอื่นๆ เพื่อเรียกร้องให้เปิดเผยความชัดเจนการจัดสรรวัคซีน รวมถึงประเด็นเรื่อง VIP และการฉีดวัคซีนให้กลุ่มอื่นที่ไม่ใช่แพทย์ด่านหน้า
ประเด็นหลักๆ ที่หมอทศพรมาพูดในวันนี้คือ ปัญหาการจัดสรรวัคซีนไม่เพียงพอ ประกอบกับบุคลากรจำนวนมากถูกกีดกันด้วยกฎเกณฑ์ต่างๆ และมีบุคลากรที่ไม่ได้จำเป็นเร่งด่วน ได้รับวัคซีนไฟเซอร์ในล็อตนี้
พร้อมทั้งเรียกร้องให้เปิดเผยแผนกระจายวัคซีนอย่างชัดเจน จัดสรรวัคซีนให้เพียงพอต่อบุคลากรด่านหน้าไปจนถึงอาสาสมัครต่างๆ รวมถึงระบุข้อมูล รายชื่อ ตำแหน่งผู้ที่ได้รับวัคซีนอย่างชัดเจน และเปิดให้ประชาชนเข้าถึงข้อมูล เพื่อตรวจสอบ และคัดค้านได้
หลังพูดคุยแลกเปลี่ยนกัน อนุทินยืนยันว่าไม่มีการฉีดวัคซีนให้ VIP แน่นอน กระทรวงสาธารณสุขมีเป้าหมายฉีดวัคซีนให้กลุ่มแพทย์ด่านหน้า และประชาชนให้เร็วที่สุด ที่ผ่านมากระทรวงสาธารณสุขเปิดเผยข้อมูลการจัดสรรวัคซีนมาโดยตลอด แต่กระบวนการจัดสรรนั้นไม่ได้มีเพียงต้นทาง แต่มีปลายทางซึ่งเป็นหน่วยงานท้องถิ่นประจำจังหวัดต่างๆ ด้วย
ส่วนที่มีบุคลากรด่านหน้ากลุ่มหนึ่งได้ฉีดก่อนกลุ่มหนึ่งนั้นไม่ได้มีการแบ่งแยกว่าใครทำงานนานกว่าจะได้รับวัคซีน เพื่อให้ด่านหน้าทุกคนได้ฉีดวัคซีนได้อย่างทั่วถึง
สำหรับเรื่องฉีดวัคซีนให้อาสาสมัครต่างๆ ทั้งพระ สัปเหร่อ หรือกลุ่ม อสม. ทั้งหมดล้วนเป็นบุคลากรด่านหน้า ซึ่งกระทรวงสาธารณสุขก็มีนโยบายชัดเจนว่ากลุ่มนี้จะได้วัคซีนด้วย อนุทินรับปากว่าบุคลากรทั้งในและนอกระบบจะได้รับวัคซีนที่ดีแน่นอน แต่ไม่ขอระบุว่าจะได้รับวัคซีนชนิดไหน เพราะแผนการฉีดวัคซีนก็จะมีการปรับเปลี่ยนไปตามสถานการณ์การระบาด รวมถึงสายพันธุ์ไวรัสที่ระบาดในช่วงนั้นๆ
สำหรับประเด็นการจัดสรรวัคซีนไฟเซอร์ให้บุคลากรแพทย์ล่าช้า และมีหลายโรงพยาบาลได้ไม่ครบจำนวนที่ขอไป นพ.สุระ อธิบายว่า ตามกำหนดกระทรวงสาธารณสุขจะส่งมอบวัคซีนให้หน่วยงานท้องถิ่นแต่ละจังหวัดวันที่ 8 สิงหาคม แต่ความจริงเริ่มส่งมอบตั้งแต่ช่วงวันที่ 5-6 สิงหาคม ซึ่งเป็นการส่งมอบก่อนกำหนด จึงได้ส่งไป 50-70% เพื่อฉีดให้กลุ่มด่านหน้าก่อน แต่หลังจากนี้ก็จะมีการจัดสรรเพิ่มเติมต่อไป
นอกจากประเด็นวัคซีนไฟเซอร์ หมอของขวัญยังเสริมประเด็นที่มีกระแสข่าวว่า วัคซีนแอสตร้าเซนเนก้าที่ผลิตโดยบริษัทสยามไบโอไซเอนซ์ไม่ผ่านการอนุมัติโดย WHO และ FDA ทำให้ผู้ฉีดไม่สามารถทำวัคซีนพาสปอร์ต และไม่สามารถเดินทางเข้าบางประเทศได้
หมอของขวัญเรียกร้องให้มีการเปิดเผยเอกสารความคืบหน้าว่าขณะนี้บริษัทสยามไบโอไซเอนซ์กำลังดำเนินการอยู่ในขั้นตอนใด เพราะแอสตร้าเซนเนก้าเป็นวัคซีนหลักที่ใช้ฉีดให้ประชาชน หากไม่ได้รับการรับรอง จะส่งผลกับประชาชนหลายกลุ่ม
หมอของขวัญยังพูดถึงประเด็นการส่งมอบวัคซีนแอสตร้าเซนเนก้าที่ล่าช้า และไม่เพียงพอกับความต้องการในสถานการณ์ปัจจุบัน โดยเรียกร้องให้อนุทินเข้ามาดูแลเรื่องนี้อย่างจริงจัง เนื่องจากวัคซีนเป็นหนึ่งในปัจจัยสำคัญที่จะยุติการแพร่ระบาดได้ รวมถึงเรียกร้องให้นำเข้าวัคซีนชนิดอื่นๆ อย่างโนวาแว็กซ์มาเพิ่มเติม เพื่อเตรียมรับมือกับการระบาดสายพันธุ์ใหม่ๆ ในอนาคต
อ้างอิงจาก
https://web.facebook.com/watch/live/?v=4158232910968879&ref=watch_permalink
https://prachatai.com/journal/2021/08/94401