เมื่อเวลาประมาณ 14.30 น. กลุ่มทะลุฟ้าได้จัดกิจกรรม ยื่นหนังสือทะลุโลก โดยเดินทางไปยื่นหนังสือที่สำนักงานข้าหลวงใหญ่เพื่อสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ (OHCHR) โดยมีเนื้อหาหลังในหนังสือ 3 ประเด็น ได้แก่
- เรียกร้องให้องค์กรสหประชาชาติ หรือ UN ตรวจสอบ ทบทวน และนำเสนอกระบวนการยุติธรรมที่เกี่ยวข้องกับคดีการเมืองตลอด 1 ปีที่ผ่านมา ว่ามีการละเมิดสิทธิมนุษยชนหรือไม่
- ร้องขอให้ UN ทำหนังสือในประเด็นการละเมิดสิทธิมนุษยชนในประเทศไทย แล้วยื่นไปยังรัฐบาลเพื่อให้รัฐบาลหันมาทำตามหลักสากลให้มากขึ้น
- ร้องขอให้ UN ให้ความช่วยเหลือนักต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยของไทยที่ขณะนี้อยู่ในเรือนจำ ทั้งที่ยังไม่ได้ถูกตัดสินว่ากระทำผิด อาทิ พริษฐ์ ชิวารักษ์ หรือพรหมศร วีระธรรมจารี ซึ่งมีรายงานว่าทั้งคู่ติดเชื้อไวรัส COVID-19 ภายหลังเข้าไปในเรือนจำด้วย
กลุ่มผู้ชุมนุมยังได้มีการทำกิจกรรมยืนหยุดขังเป็นเวลา 112 นาีทเพื่อเรียกร้องความเป็นธรรมให้ผู้ชุมนุมที่ศาลไม่อนุญาตให้ประกันตัว รวมถึงได้มีการปราศรัยถึงความล้มเหลวของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีในการจัดการปัญหา COVID-19
ประมาณ 15.45 น. ตัวแทนกลุ่มผู้ชุมนุมได้อ่านแถลงการณ์ถึงอำนาจตุลาการว่า ความเป็นอิสระของศาที่จะถูกแทรกแซงจากอำนาจอื่นไม่ได้เป็นหลักการสากลที่อยู่ตราสารระหว่างประเทศหลายฉบับ รวมถึงบัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญไทย
อย่างไรก็ตาม หลายกรณีที่เกิดขึ้น อาทิ คำสั่งของศาลแพ่งที่ให้การคุ้มครองการชุมนุม กปปส. แต่ไม่ให้การคุ้มครองการชุมนุมของราษฎร หรือกรณีของ ชนาธิป เหมือนพะวงศ์ ผู้พิพากษาที่ไม่อนุญาตให้ประกันตัวแกนนำผู้ชุมนุมหลายคน ทั้งที่ยังเป็นเพียงผู้ต้องหา และเป็นผู้ตัดสินคดี อากง หรือ อำพล ตั้งนพกุล ให้ผิดตามมาตรา 112 และตัดสินโทษจำคุก 20 ปี จนเสียชีวิตในเรือนจำเมื่อปี 2555 ชวนให้ตั้งข้อสังเกตว่าตุลาการไทยทำตามหลักการความเป็นอิสระของศาลหรือไม่
ดังนั้น จึงเรียกร้องให้ข้าหลวงใหญ่เพื่อสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติทบทวนข้อเรียกร้อง 3 ข้อที่ได้กล่าวไปข้างต้น
จนกระทั่งเวลา 16.10 น. กลุ่มทะลุฟ้าจึงประกาศยุติการชุมนุม
อ้างอิง: