สัปดาห์ที่ผ่านมา มีหลายๆ เรื่องราวเกิดขึ้น จนทำให้คุณอาจพลาดการประชุมสภาผู้แทนราษฎรเพื่อพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2565 ในวาระที่สอง (พิจารณารายมาตรา) และในวาระที่สาม (พิจารณาว่าจะเห็นชอบทั้งฉบับหรือไม่) ซึ่งเกิดขึ้นระหว่างวันที่ 18-21 ส.ค.2564
The MATTER เลยขออนุญาตสรุปประเด็นสำคัญๆ ในการพิจารณาร่างกฎหมายดังกล่าวให้ทุกคนได้อ่านกัน ว่ามีเรื่องราวอะไรน่าสนใจบ้าง
วันแรก (18 ส.ค.2564)
– นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน พรรคเพื่อไทย เสนอให้ระบุให้ชัดว่า งบประมาณต่างๆ ที่ถูกปรับลดในชั้นคณะกรรมาธิการวิสามัญเพื่อพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณฯ (กมธ.งบประมาณ) กว่า 16,300 ล้านบาทและนำไปใส่ไว้ใน ‘งบกลาง’ ให้ใช้เพื่อช่วยเหลือเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 หรือให้นำไปซื้อวัคซีนประเภท mRNA เท่านั้น
– ศิริกัญญา ตันสกุล ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล อภิปรายงบสำนักนายกรัฐมนตรี โดยคัดค้านโครงการพัฒนา big data platform ของ กอ.รมน. ที่ตั้งงบผูกพันข้ามปี รวม 361 ล้านบาท ซึ่งซ้ำซ้อนกับหน่วยงานอื่นๆ ที่ทำ big data เช่นกัน และเห็นว่าควรจัดลำดับความสำคัญการใช้งบประมาณในช่วงที่ประเทศกำลังเผชิญวิกฤตโรคระบาด
– ปกรณ์วุฒิ อุดมพิพัฒน์สกุล ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล อภิปรายงบสำนักนายกรัฐมนตรี กรณีกรมประชาสัมพันธ์ จะทำแอพฯ ให้ผู้ดูรายการสถานีโทรทัศน์ NBT แบบสดๆ และย้อนหลังได้ โดยใช้งบถึง 54.7 ล้านบาท ทั้งที่ไม่จำเป็นแม้แต่น้อย
– ณธีภัสร์ กุลเศรษฐสิทธิ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล อภิปรายงบสำนักนายกรัฐมนตรี ในส่วนของค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับเครื่องบินและเฮลิคอปเตอร์พระที่นั่ง ในสำนักเลขาธิการนายกฯ (สลน.) วงเงินกว่า 1,557 ล้านบาท แต่ถูกห้ามฉายสไลด์ระหว่างอภิปราย
– วิสาร เตชะธีราวัฒน์ ส.ส.เชียงราย พรรคเพื่อไทย อภิปรายงบกระทรวงกลาโหม โดยเสนอตัดงบด้านบุคลากรลง 10% จากจำนวนนายพลที่มีมากถึง 1,400-1,500 คน โดยบางส่วนเป็นผู้ทรงคุณวุฒิพิเศษหรือที่ปรึกษาพิเศษ ซึ่งไม่รู้ว่าคนเหล่านี้ทำงานอะไร
วันที่สอง (19 ส.ค.2564)
– พิสิฐ ลี้อาธรรม ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ อภิปรายงบกระทรวงการต่างประเทศ ระบุว่า ไทยมีสถานทูตและสถานกงสุลในยุโรปรวมกันถึง 24 แห่ง ซึ่งมากเกินความจำเป็น ทั้งที่ยุโรป 27 ประเทศ รวมกันเป็นสหภาพยุโรป ใช้นโยบาย single market ด้านศิริกัญญา ตันสกุล ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ตั้งคำถามเดียวกัน โดยยกตัวอย่างสถานทูตในออสเตรเลียที่ดูแลคนไทยถึง 1 แสนคน แต่มีสถานทูตเพียง 1 แห่ง และสถานกงสุลใหญ่ 1 แห่ง ในขณะที่เยอรมนีมีคนไทย 5.9 หมื่นคน แต่กลับมีสถานทูตและสถานกงสุลมากถึง 3 แห่ง เพราะการตั้งสถานทูต/สถานกงสุลเพิ่ม 1 แห่ง จะทำให้มีค่าใช้จ่ายเพิ่มจำนวนมาก เป็นภาระต่องบประมาณ
– เบญจา แสงจันทร์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล อภิปรายงบกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ โดยเสนอยุบ ‘กรมหม่อนไหม’ เพราะเห็นว่าไม่จำเป็นต้องเป็นหน่วยงานระดับกรม แต่ควรจะตั้งเป็นสำนักงานภายใต้กรมอื่น ซึ่งจะช่วยลดความซ้ำซ้อนและนำงบที่เหลือไปพัฒนาศักยภาพผู้เลี้ยงไหม เห็นได้จากการตั้งงบของกรมหม่อนไหม 506 ล้านบาท ที่กว่า 60% เป็นงบบุคลากร จนเหลืองบดำเนินการจริงๆ แค่ราว 160 ล้านบาทเท่านั้น
– ปกรณ์วุฒิ อุดมพิพัฒน์สกุล ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล อภิปรายงบกระทรวงดิจิทัลฯ โดยเสนอตัดงบ ‘ศูนย์ต่อต้านข่าวปลอม’ ที่ตั้งไว้ 79.9 ล้านบาททั้งหมด ไม่ให้เหลือแม้แต่บาทเดียว เพราะศูนย์นี้จะเลือกตรวจสอบเฉพาะข่าวปลอมที่เป็นผลลบต่อนโยบายรัฐบาลเท่านั้น และพร้อมที่จะปล่อยผ่านข่าวปลอมที่เป็นผลบวกกับรัฐบาลเสมอ
วันที่สาม (20 ส.ค.2564)
– จิรายุ ห่วงทรัพย์ ส.ส.กทม. พรรคเพื่อไทย อภิปรายงบกระทรวงพลังงาน ที่มีการตั้งวงเงิน 1,973 ล้านบาท เพื่อไปจ้างทนายความต่างชาติสู้คดีอนุญาโตตุลาการ จากปัญหาในปี 2559 สมัยรัฐบาล คสช. ที่ไปแก้กฎกหมายว่า เมื่อหมดสัมปทานแท่นขุดเจาะน้ำมัน ผู้ที่มาลงทุนต้องรื้อถอนแท่นขุดเจาะน้ำมันเอง ทั้งที่กฎหมายเดิมในปี 2515 ระบุว่าให้ส่งมอบทรัพย์สินให้กับแผ่นดิน ทำให้ถูก บ.เชฟรอนของสหรัฐฯ และ บ.โตตาลของฝรั่งเศส ยื่นฟ้อง
– ศิริกัญญา ตันสกุล ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล อภิปรายงบกระทรวงมหาดไทย ที่มีงบที่ดินและสิ่งปลูกสร้างสูงถึง 2.2 หมื่นล้านบาท สูงเป็นอันดับสองรองจากกระทรวงคมนาคม มีทั้งงบซ่อมและสร้าง บ้านพักข้าราชการซี 9, ที่ว่าการอำเภอ, จวนผู้ว่าฯ-รองผู้ว่าฯ ฯลฯ ทั้งที่อยู่ในช่วงประเทศขัดสนควรจะเลื่อนงบนี้ไปก่อนได้หรือไม่ ขณะที่กรมโยธาธิการและผังเมือง ที่ได้งบ 2.3 หมื่นล้านบาท จำนวนมากไม่ใช่ภารกิจหลักของกรมและซ้ำซ้อนกับหน่วยงานอื่นอีก 6 กรม เช่น ระบบป้องกันน้ำท่วม การกำจัดผักตบชวา
วันที่สี่ (21 ส.ค.2564)
– เอกชัย ทรงอำนาจเจริญ ส.ส.อุบลราชธานี พรรคเพื่อไทย อภิปรายงบกระทรวงสาธารณสุข โดยพาดพิงเรื่องการจัดสรรวัคซีนโควิด-19 ไม่เป็นธรรม โดยเฉพาะ จ.บุรีรัมย์ที่ได้ฉีดวัคซีนมากถึง 6 แสนคน จากประชากร 1.5 ล้านคน มากกว่าพื้นที่ที่มีการระบาด ทำให้สนอง เทพอักษรณรงค์ ส.ส.บุรีรัมย์ พรรคภูมิใจไทย ลุกขึ้นมาตอบโต้ว่า จ.บุรีรัมย์ได้ฉีดวัคซีนโควิด-19 มาก เพราะบริหารจัดการได้ดี
– ส.ส.พรรคเพื่อไทย หลายคนอภิปรายงบส่วนราชการไม่สังกัดสำนักนายก กระทรวงหรือทบวง กรณีสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) โดยเฉพาะการจัดซื้ออาวุธยุทโธปกรณ์ให้กับตำรวจควบคุมฝูงชน (คฝ.) ทัศนีย์ บูรณุปกรณ์ ส.ส. เชียงใหม่ เสนอให้ตัดงบ สตช. ลง 7% เพราะงบเหล่านี้จะถูกนำมาใช้ซื้ออาวุธปราบปรามประชาชน ที่มีต้นเหตุมาจากการบริหารงานของนายกฯ ที่ผิดพลาด ส่วนขจิตร ชัยนิคม ส.ส.อุดรธานี ขอตัดงบ สตช. ลงถึง 8,206 ล้านบาท ให้นำไปเป็นสวัสดิการตำรวจชั้นผู้น้อยหรือนำไปใช้บริการประชาชนจริงๆ
– พิจารณ์ เชาว์พัฒนวงศ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล อภิปรายงบส่วนราชการไม่สังกัดสำนักนายกฯ กรณี สตช. ขอจัดซื้อปืน 3 โครงการ รวม 7,000 กระบอก ได้แก่ ปืนเล็กสั้น 1,000 กระบอก ปืนเล็กยาว 2,000 กระบอก และปืนกลมือ 4,000 กระบอก ซึ่งมากเกินไปและไม่มีความจำเป็น
– ยุทธพงศ์ จรัสเสถียร ส.ส.มหาสารคาม พรรคเพื่อไทย อภิปรายงบรัฐสภา โดยขอให้ตัดลง 20% เพราะมีการรั่วไหล ให้คนนอกได้แก่เรืองไกร ลีกิจวัฒนะ กมธ.งบประมาณสัดส่วนพรรคพลังประชารัฐ มานั่งกินอาหารในห้องรับรองเฉพาะ ส.ส.ด้วย ทั้งที่ไม่ได้เป็น ส.ส. ส่วนเรืองไกรตอบโต้ด้วยการแสดงข้อความ “นายกฯตู่อยู่ยาว” พร้อมบอกว่า ถ้าคิดว่าตนกินข้าวหลวง ให้ไปแจ้งความข้อหาลักทรัพย์ได้เลย
– ส.ส.พรรคก้าวไกล 4 คน ได้แก่ จารณ์ เชาวพัฒนวงศ์, รังสิมันต์ โรม, เบญจา แสงจันทร์, และสุทธวรรณ สุบรรณ ณ อยุธยา ร่วมกับอภิปรายงบส่วนราชการในพระองค์ วงเงินกว่า 8,600 ล้านบาท ตั้งข้อสังเกตเรื่องจำนวนบุคลากรที่มีมากถึง 14,275 คน และการเพิ่มขึ้นของงบแบบก้าวกระโดด จนมากกว่ากระทรวงสำคัญๆ 7 กระทรวง
ไปดูคลิปการอภิปรายประเด็นนี้เต็มๆ ได้ที่: https://www.youtube.com/watch?v=QAGoJqo159w
วันที่ห้า (22 ส.ค.2564)
หลังอภิปรายมาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณฯ ปี 2565 สี่วันเศษ ที่ประชุมสภาฯ ก็ลงมติในเวลาราวตีหนึ่งของวันที่ 22 ส.ค.2564 เห็นชอบร่าง พ.ร.บ.งบประมาณฯ ปี 2565 ด้วยคะแนนเสียง เห็นชอบ 257 เสียง ไม่เห็นชอบ 189 เสียง งดออกเสียง 4 เสียง และไม่ลงคะแนน 1 เสียง ก่อนจะส่งให้วุฒิสภาพิจารณาต่อไปตามขั้นตอนปกติของกระบวนการนิติบัญญัติ
นี่คือการอภิปรายเกี่ยวกับการใช้ ‘เงินภาษี’ จากประชาขน ในที่ประชุมสภาฯ เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา
#Recap #งบประมาณ #Brief