ในขณะที่การเมืองนอกสภาเต็มไปด้วยความร้อนแรงระหว่างผู้ชุมนุม กับแนวทางการปฏิบัติของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ในรัฐสภาก็มีอีกเรื่องสำคัญ นั่นก็คือการพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2565 ในวาระที่ 2 และ 3 โดยเมื่อคืนที่ผ่านมารัฐสภาเพิ่งมีมติรับรอง พ.ร.บ.งบประมาณฉบับดังกล่าวแล้ว
การลงคะแนนเห็นชอบ พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2565 เกิดขึ้นเมื่อเวลาประมาณ 01.00 น. ของวันนี้ (22 สิงหาคม) โดยในการลงมติวาระ 3 สรุปผลคะแนนออกไปได้คือ เห็นชอบ 257 คะแนน ไม่เห็นชอบ 89 คะแนน งดออกเสียง 4 คะแนน และไม่ลงคะแนน 1 คะแนน
ด้วยการลงมติเห็นชอบแบบผ่านฉลุยในครั้งนี้ จะส่งผลให้วงเงินจำนวน 3.1 ล้านล้านบาท ตามที่ถูกกำหนดในร่าง พ.ร.บ.จะถูกนำมาใช้เป็นงบประมาณของประเทศเรา ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคมของปีนี้ (พ.ศ.2564) ไปจนถึงวันที่ 30 กันยายนของปีหน้า (พ.ศ.2565)
การอภิปรายครั้งนี้ใช้เวลาในการพิจารณาเป็นเวลากว่า 52 ชั่วโมง กินเวลาทั้งสิ้น 5 วัน โดยมีการพิจารณาทั้งสิ้น 42 มาตรา และแก้ไขทั้งหมดรวม 31 มาตรา สำหรับรายละเอียดที่มีการปรับงบประมาณเด่นๆ ใน พ.ร.บ.นั้น ถูกมุ่งมองไปที่มาตรา 39 ว่าด้วยค่าใช้จ่ายกองทุนหมุนเวียน และมาตรา 36 ว่าด้วยงบส่วนราชการในพระองค์
ในการประชุม มีมติเรื่องการปรับลดงบประมาณ ตามมาตรา 39 เรื่อง ค่าใช้จ่ายกองทุนหมุนเวียน โดยเฉพาะในเรื่อง กองทุนหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) โดยเฉพาะเรื่องบัตรทอง บัตรหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ หลังพบมีการทุจริตปีเดียวกว่า 6 ร้อยล้านบาท โดยรัฐสภามีมติด้วยเสียงส่วนใหญ่ เห็นด้วย ให้มีการแก้ไข มาตรา 39 โดยยึดตาม กมธ.เสียงข้างมาก
นอกจากนี้ รัฐสภายังมีการพิจารณา มาตรา 40 ซึ่งเป็นงบประมาณรายจ่าย สำหรับแผนงานบริหารจัดการหนี้ของภาครัฐ โดยมีการตั้งงบประมาณรายจ่ายของหน่วยรับงบประมาณ เป็นจำนวน 297,631,438,900 บาท ส่วน มาตรา 41 เรื่องงบประมาณรายจ่ายเพื่อชดใช้เงินคงคลัง ให้ตั้งเป็นจำนวน 569,666,700 บาท และ มาตรา 42 เรื่องงบประมาณรายจ่ายเพื่อชดใช้เงินทุนสำรองจ่าย ให้ตั้งเป็นจำนวน 24,978,560,000 บาท ตามลำดับ
อีกประเด็นสำคัญที่ถูกหยิบยกมาพูดถึง ในการอภิปรายเพื่อขอตัดงบประมาณคงหนีไม่พ้น มาตรา 36 ที่ว่าด้วยงบส่วนราชการในพระองค์ ซึ่งมีการตั้งงบประมาณเอาไว้ที่ 8,761,390,800 บาท อย่างไรก็ดี มี ส.ส.จากพรรคก้าวไกลหลายคน ที่ลุกขึ้นอภิปรายแปรญัตติเสนอให้มีการปรับลดงบประมาณส่วนราชการในพระองค์ลง ทั้งนี้ งบประมาณจำนวนดังกล่าวจะครอบคลุมตาม พ.ร.บ.ระเบียบบริหารราชการในพระองค์ พ.ศ.2560 ใน 5 หน่วยงาน ได้แก่ สำนักราชเลขาธิการ สำนักพระราชวัง กรมราชองครักษ์ หน่วยบัญชาการรักษาความปลอดภัยในพระองค์
ในขณะที่มีการอภิปรายเรื่องการตัดงบส่วนราชการในพระองค์ ประธานรัฐสภาไม่อนุญาตให้มีการฉายสไลด์ที่ ส.ส.บางรายได้เตรียมมา ถึงแม้ว่ารายละเอียดในสไลด์ จะเป็นรายละเอียดที่มีรายงานปรากฏตามเว็บไซต์สาธารณะอยู่แล้วก็ตาม “หากการออกอากาศไป การเผยแพร่ภาพเหล่านั้น เป็นเรื่องเสี่ยง เรื่องหมิ่นเหม่ที่จะเกี่ยวข้องกับสถาบันนั้น ไม่มีหลักประกันจากใครเลยว่าสถานีวิทยุโทรทัศน์นั้นจะไม่ถูกปิด นี่เป็นสิ่งที่เจ้าหน้าที่เขาวิตกกังวล แต่เราก็อนุญาตให้ท่านอภิปราย” ศุภชัย โพธิ์สุ รองประธานสภาคนที่ 2 กล่าว
โดย ส.ส.จากพรรคก้าวไกล ได้มีข้อเสนอในการตัดงบประมาณดังกล่าวลง 3,568 ล้าน อย่างไรก็ดี รัฐสภาได้มีการลงคะแนนเสียงเห็นชอบโดยไม่มีการปรับลด 392 เสียง ไม่เห็นด้วย 47 เสียง งดออกเสียง 3 เสียง ไม่ลงคะแนนเสียง 5 เสียง ทำให้งบประมาณส่วนราชการในพระองค์ตามมาตรา 36 ยังคงเดิมไว้ตามที่ถูกตั้งมาที่ 8,761,390,800 บาท
หลังจากที่รัฐสภาได้มีมติเห็นชอบ พ.ร.บ.งบประมารรายจ่าย พ.ศ.2565 แล้ว สุพัฒน์พงษ์ พันธมีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ซึ่งได้รับมอบหมาย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เป็นตัวแทนในนามรัฐบาล แสดงความขอบคุณสมาชิกสภาผู้แนราษฎร สำหรับข้อเสนอแนะ ข้อห่วงใย โดยรัฐบาล จะขอน้อมรับข้อติติง ข้อเสนอแนะ เพื่อนำไปปรับปรุง และขอให้มั่นใจรัฐบาลจะนำงบประมาณที่ผ่านสภานี้ ไปปรับแก้ไขตามข้อเสนอแนะ และจะนำงบประมาณไปใช้ให้เป็นไปตามวัตถุประสงค์ต่อไป
นอกจากนั้น ที่ประชุมยังลงมติ 430 ต่อ 0 งดออกเสียง 4 ไม่ลงคะแนน 1 เห็นชอบให้ส่งข้อสังเกตในรายงานของ กมธ.ให้คณะรัฐมนตรี หรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับทราบต่อไป โดยขั้นตอนต่อไป จะมีการนำเข้าเสนอให้สมาชิกวุฒิสภาพิจารณาต่อไป ภายในเวลา 20 วัน
อ้างอิงจาก
https://www.matichon.co.th/politics/news_2898594
#Brief #TheMATTER