เป็นอีกหนึ่งข่าวดีที่เกิดขึ้นในช่วงคืนที่ผ่านมา หลังสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยาแห่งสหรัฐอเมริกา (FDA) ได้อนุมัติการใช้งานวัคซีนไฟเซอร์อย่าง “เต็มรูปแบบ” ซึ่งเป็นการปลดล็อกให้องค์กรเอกชนสามารถซื้อวัคซีนได้เอง โดยไม่ต้องผ่านหน่วยงานรัฐเหมือนก่อนหน้านี้
ไฟเซอร์เป็นวัคซีน COVID-19 ตัวแรกที่ได้รับการอนุมัติให้เปลี่ยนจากใช้ในกรณีฉุกเฉิน มาเป็นใช้ได้อย่างเต็มรูปแบบสำหรับคนที่มีอายุมากกว่า 16 ปีขึ้นไป โดยคาดว่าการอนุมัติครั้งนี้จะทำให้พลเมืองที่ยังลังเลกับการฉีดวัคซีน หันมากลับมาฉีดวัคซีนกันมากขึ้น ท่ามกลางการระบาดอย่างหนักของ COVID-19 สายพันธุ์เดลต้า
ก่อนหน้านี้มีรายงานว่า ชาวสหรัฐฯ หลายคนตัดสินใจยังไม่ฉีดวัคซีนเนื่องจากไม่มั่นใจ และมองว่าการอนุมัติใช้ในกรณีฉุกเฉินนั้นหมายถึงวัคซีนยังไม่มีคุณภาพ และความปลอดภัยอย่างแท้จริง ขณะที่หน่วยงานรัฐออกมาอธิบายว่า การอนุมัติใช้ในกรณีฉุกเฉินใช้กระบวนการยื่นเอกสาร และคำขอต่างๆ น้อยกว่าการอนุมัติใช้เต็มรูปแบบ ประกอบกับสถานการณ์ระบาดในช่วงต้นปีมีความรุนแรง จึงจำเป็นต้องพิจารณาใช้วัคซีนอย่างเร็วที่สุด เพื่อคุมการระบาด
เจเนท วูกค็อก (Janet Woodcock) รักษาการกรรมการ FDA กล่าวว่า ประชาชนสามารถมั่นใจได้ว่าวัคซีนไฟเซอร์ที่ผ่านการอนุมัติแล้ว ตรงตามมาตรฐานความปลอดภัย มีประสิทธิผล และมีคุณภาพการผลิตสูง และแม้ว่าการอนุมัติใช้แบบเต็มรูปแบบจะกำหนดให้ใช้กับผู้ที่อายุ 16 ปีขึ้นไป แต่วัยรุ่นอายุระหว่าง 12-15 ปีก็ยังสามารถฉีดวัคซีนได้ภายใต้การอนุมัติกรณีฉุกเฉิน
หลังมีการประกาศใช้วัคซีนแบบเต็มรูปแบบ องค์กรและหน่วยงานต่างๆ เริ่มออกมาเคลื่อนไหวเกี่ยวกับการกำหนดให้พนักงานในสังกัดตัวเองฉีดวัคซีนไฟเซอร์มากขึ้น กระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ เปิดเผยว่ามีแผนจะออกคำสั่งให้ทหารในสังกัดทุกคนฉีดวัคซีนไฟเซอร์ ขณะที่บิล เดอ บลาซิโอ นายกเทศมนตรีนิวยอร์กก็ประกาศให้ครูและเจ้าหน้าที่ในโรงเรียนทุกคนฉีดวัคซีนเพื่อความปลอดภัยของนักเรียนที่จะกลับไปเรียนหนังสือตามปกติ
อ้างอิงจาก
https://www.washingtonpost.com/…/pfizer-vaccine-full-appro…/
https://www.bbc.com/news/world-us-canada-58309254
https://www.thairath.co.th/news/foreign/2175040