เริ่มแล้ว! การอภิปรายไม่ไว้วางใจ 6 รัฐมนตรี ที่จะมีขึ้นระหว่างวันที่ 31 ส.ค.-3 ก.ย.2564 โดย สมพงษ์ อมรวิวัฒน์ ส.ส.เพื่อไทย ในฐานะผู้นำพรรคฝ่ายค้าน ได้ขึ้นชี้แจงเหตุผลของการยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจ 6 รัฐมนตรี
สมพงษ์ ได้อ่านญัตติการยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจ 6 รัฐมนตรี ได้แก่
1. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม
2. อนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข
3. สุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน
4. ศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม
5. เฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์
6. ชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม
สมพงษ์ชี้ว่า พล.อ.ประยุทธ์เป็นคนที่ไร้ภูมิปัญญา ไร้องค์ความรู้ ไร้จิตสำนึกรับผิดชอบ ไร้คุณธรรมจริยธรรม ไร้ความสามารถในการเป็นผู้นำประเทศ ทั้งในการบริหารงานการเมือง เศรษฐกิจ และสังคม โดยเฉพาะในช่วงของการแพร่ระบาดของ COVID-19 ไม่ว่าจะด้วยการบริหารวัคซีน การจัดการเศรษฐกิจต่อภาคธุรกิจและประชาชนที่ล้มเหลว “พฤติกรรมของ พล.อ.ประยุทธ์ จัทร์โอชา มีลักษณะค้าความตาย” สมพงษ์ระบุ
สมพงษ์กล่าวว่า พล.อ.ประยุทธ์ยึดประโยชน์ของพวกพ้อง และปราบปรามประชาชนที่ออกมาประท้วง ในขณะที่ยังคงมีการจัดซื้ออาวุธยุทโธปกรณ์ ทั้งที่ประเทศไม่มีการสู้รบ ประกอบกับสถานการณ์ COVID-19 ทำให้ประเทศอยู่ในจุดที่ตกต่ำที่สุดในประวัติศาสตร์ และกลายเป็นประเทศที่ไม่ปลอดภัยในสายตาของชาวโลก
“การปล่อยให้ พล.อ.ประยุทธ์บริหารราชการแผ่นดินต่อไป จะทำให้สถานการณ์ทุกอย่างย่ำแย่ลง”
ขณะสมพงษ์กำลังอ่านญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจถึง พล.อ.ประยุทธ์ ไพบูลย์ นิติตะวัน ส.ส.พลังประชารัฐ ได้ลุกขึ้นประท้วงเป็นระยะๆ ทั้งช่วงที่อ้างถึงบริษัทผลิตวัคซีนในพระปรมาธิปไธย และการกล่าวหา พล.อ.ประยุทธ์ด้วยคำว่าโง่
อย่างไรก็ดี ชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎรได้ชี้ว่า สมพงษ์ไม่ได้ทำผิดข้อบังคับ และการประท้วงของไพบูลย์จะยิ่งทำให้เสียเวลา
สมพงษ์กล่าวถึงอนุทิน รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ต่อจาก พล.อ.ประยุทธ์ว่า มีการปล่อยปละละเลย และประเมินสถานการณ์ด้านสาธารณสุขผิดพลาด โดยเฉพาะการจัดการวัคซีน ทำให้ประชาชนไม่สามารถเข้าถึงวัคซีนที่มีประสิทธิภาพเพียงพอในการป้องกันโรค แถมยังเป็นการจัดหาวัคซีนที่ลึกลับซ่อนเร้น สมพงษ์ชี้ว่า อนุทิน “กอบโกยผลประโชน์จากน้ำตาประชาชน” ทำให้ระบบสาธารณสุขของไทยล้มเหลวอย่างสิ้นเชิงเท่าที่เคยเป็นมีมา
สมพงษ์ระบุว่า ประเทศไทยในเวลานี้มาถึงจุดวิกฤตโรคระบาด แต่วิกฤติที่เลวร้ายกว่าคือวิกฤตของผู้นำ ที่ขาดความรู้ ความสามารถในการจัดการปัญหา ซึ่งสะท้อนออกมาเป็นการบริหารประเทศที่ล้มเหลว และคอยตำหนิประชาชน ในขณะที่ยึดตัวเองเป็นศูนย์กลางในลักษณะเอาดีเข้าตัว เอาชั่วใส่ประชาชน จนไม่สามารถจัดการสถานการณ์อะไรได้เลย
สมพงษ์ชี้ว่า ตัวเลขการติดเชื้อและเสียชีวิต ไม่ใช่เพียงแค่ตัวเลข แต่คือชีวิตของประชาชน ในขณะที่ประยุทธ์ Work From Home แต่ก็ไม่ลงมาร่วมทุกข์กับประชาชน นี่คือพฤติกรรมในการหลอกตัวเอง เพราะกลัวความจริง ในขณะที่รัฐมนตรีแต่ละคนไม่มีความรู้ความสามารถ ส่งผลให้เกิดการระบาดของเชื้อเดลตาไปทั่วทั้งประเทศ
“พล.อ.ประยุทธ์ ควรพิจารณาตัวเอง และลาออกไปเสียดีกว่า”
ทั้งนี้ สมพงษ์ขอเชิญชวน ส.ส.พรรคร่วมรัฐบาล ให้หยุดมองผลประโยชน์ส่วนตัว และผลประโยชน์ทางการเมือง และร่วมยืนอยู่กับเจตจำนงของประชาชน เพื่อทำให้ พล.อ.ประยุทธ์ลาออกไป
#Brief #Politics #อภิปรายไม่ไว้วางใจ #TheMATTER