สังคมญี่ปุ่นกำลังเจอกับประชากรสูงอายุ และผู้อยู่เป็นโสดตัวคนเดียวที่เพิ่มมากขึ้น ตั้งแต่เริ่มเกิดวิกฤตเศรษฐกิจราวทศวรรษที่ 1990 เป็นต้นมา ปัญหาเหล่านี้นำมาซึ่งปรากฏการณ์ที่เรียกว่า ‘โคโดคูชิ’ หรือการตายอย่างโดดเดี่ยว หรือการตายในที่อยู่อาศัยตัวคนเดียว โดยกว่าจะมีผู้มาพบศพ ร่างของพวกเขาก็เริ่มย่อยสลายไปแล้ว
ปัญหาการไม่สามารถพบศพผู้เสียชีวิต ที่อยู่ตัวคนเดียวได้ทันจนศพเริ่มย่อยสลาย นำมาสู่ความพยายามในการแก้ปัญหาการตายอย่างโดดเดี่ยว โดยมีบริษัทหลายแห่งในญี่ปุ่น ที่พยายามพัฒนา AI ในการตรวจจับเซ็นเซอร์ในบ้านของผู้สูงอายุ เพื่อตรวจจับการเคลื่อนไหวภายในบ้าน โดยหากถ้าพวกเขาไม่พบการเคลื่อนไหว ก็อาจคาดเดาได้ว่า ผู้สูงอายุที่อยู่ในบ้านเพียงคนเดียว อาจเสียชีวิตลงแล้ว
อย่างเช่นบริษัทด้านอสังหาริมทรัพย์อย่าง R65 ได้มีการติดตั้ง AI ที่จะคอยบันทึกการใช้งานเครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้าน เพื่อจับตาความผิดปกติ ซึ่งอาจคาดเดาได้ว่าผู้อาศัยในบ้านเพียงคนเดียว อาจเสียชีวิตลงแล้ว โดยถ้าหากเวลาผ่านไป 20 ชั่วโมง และยังไม่มีการเคลื่อนไหวใดๆ เช่น การใช้งานเครื่องใช้ไฟฟ้าเกิดขึ้น จะมีการส่งเสียงผ่านสายเข้าโทรศัพท์บ้านโดยอัตโนมัติ และหากไม่มีผู้รับสาย จะมีการส่งอีเมล์ไปยังเจ้าของบ้าน หรือนายหน้าที่รับผิดชอบทรัพย์สินของบ้าน
จากสถิติเพียงแค่ในกรุงโตเกียวของญี่ปุ่นนั้น ในปี 2018 มีการพบศพที่ตายอย่างโดดเดี่ยวภายในบ้านกว่า 5,513 กรณี มากกว่าการตายที่เกิดจากเหตุการฆาตกรรมทั่วทั้งประเทศกว่า 3 เท่าตัว อย่างไรก็ดี การตายอย่างโดดเดี่ยวในญี่ปุ่น ส่งผลให้เกิดอาชีพใหม่ คือ การทำความสะอาดบ้านของผู้ตายอย่างโดดเดี่ยว ซึ่งเจ้าหน้าที่หลายคนระบุว่า การทำความสะอาดคราบเลือดและน้ำเหลืองจากศพที่ย่อยสลายแล้วนั้น ทำได้ยากมาก และมักจะทิ้งร่องรอยของศพเอาไว้อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
ยามาโมโตะ เรียว ผู้ก่อตั้งบริษัทกล่าวว่า AI จะจับตาเพียงแค่กิจกรรมการใช้ไฟฟ้าภายในบ้าน และจะไม่มีการละเมิดสิทธิความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้บริการ อย่างที่หลายคนถกเถียงกัน เช่นเดียวกันบริษัท Tokyo Gas ผู้ให้บริการแก๊สและไฟฟ้าตามบ้าน ที่มีการติดตั้งเทคโนโลยีคล้ายกันนี้ โดยพวกเขาระบุว่า มีบ้านจำนวนกว่า 70,000 แห่งที่วางแผนจะใช้บริการดังกล่าว ในช่วงเดือนธันวาคมที่ผ่านมา
กระทรวงที่ดิน โครงสร้างพื้นฐาน คมนาคม และการท่องเที่ยว ของญี่ปุ่นเพิ่งประกาศกฎใหม่ว่า บริษัทด้านอสังหาริมทรัพย์ไม่จำเป็นจะต้องแจ้งให้ผู้อยู่อาศัยใหม่ ทราบถึงการเสียชีวิตตามธรรมชาติที่เป็นลักษณะการตายอย่างโดดเดี่ยว หากเวลาผ่านไปแล้ว 3 ปี ตอกย้ำว่า การตายอย่างโดดเดี่ยวในญี่ปุ่น ไม่ใช่ปัญหาเล็กๆ แต่มันมีการเกิดมากขึ้นเรื่อยๆ
จากข้อมูลของบริษัทซูอูโมะ ซึ่งดูแลงานด้านอสังหาริมทรัพย์ระบุว่า ราคาที่อยู่อาศัยในญี่ปุ่นจะตกลงประมาณ 10 ถึง 20 เปอร์เซ็นต์ หากบ้านหลังนั้นๆ มีการตายอย่างโดดเดี่ยวเกิดขึ้น และจะลดลง 30 เปอร์เซ็นต์ หากเกิดเหตุฆ่าตัวตายภายในบ้าน ยังไม่นับรวมถึงราคาที่จะตกลงกว่า 50 เปอรเซ็นต์ หากเกิดเหตุฆาตกรรมหรืออาชญากรรมอื่นๆ
ยามาโมโตะกล่าวเสริมว่า เทคโนโลยี AI ตรวจจับการตายอย่างโดดเดี่ยว ไม่ได้สร้างผลกำไรให้แก่บริษัทด้านอสังหาริมรัพย์เท่านั้น แต่ลูกค้าผู้สูงอายุหลายคนระบุกับทางบริษัทว่า พวกเขาไม่อยากเป็นภาระใคร หากตัวเองจากโลกใบนี้ไปแล้ว และการพบศพก่อนการย่อยสลาย ยังสามารถมอบการตายที่ทรงเกียรติ เหมือนการนอนหลับไปเฉยๆ ให้แก่ผู้สูงอายุได้
“แทนที่จะกลัวการตายอย่างโดดเดี่ยว ลูกค้าของพวกเรากล่าวว่า พวกเขาให้ความสนใจในเรื่องการพบศพที่รวดเร็ว หรือยังอยู่ในสภาพที่ดี เมื่อพวกเขาตายลง” ยามาโมโตะระบุ
อ้างอิงจาก
https://suumo.jp/article/oyakudachi/oyaku/baikyaku/bk_knowhow/jikobukken/#tboc3
https://www.mlit.go.jp/tochi_fudousan_kensetsugyo/const/content/001405347.pdf
#Brief #TheMATTER