ผู้ถูกกล่าวหา ด้วยคดี ม.112 ในเรือนจำ มีจำนวนเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ โดยไม่ได้รับสิทธิการประกันตัว โดยวันนี้ (20 ตุลาคม 2564) ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้า พร้อมด้วยทนายความวีรนันท์ ฮวดศรี ได้เดินทางมายังศาลอาญากรุงเทพใต้ เพื่อเป็นนายประกันให้แก่เบนจา อะปัญ ในคดี ม.112 พร้อมหลักทรัพย์ประกันตัวเป็นเงินสด 2 แสนบาทจากกองทุนราษฎรประสงค์
ธนาธรได้ให้สัมภาษณ์แก่สื่อมวลชน ระบุว่าการตัดสินใจมาเป็นนายประกันให้เบนจาวันนี้ เนื่องจากเห็นถึงความไม่ยุติธรรมในกระบวนการ และต้องการแสดงให้เห็นว่ามีคนจำนวนมากในสังคมที่ต้องการความยุติธรรม โดยคดีของเบนจานั้นมีการอ้างว่าเป็นคดีร้ายแรง อาจหลบหนี ซึ่งถือเป็นสิ่งที่ไม่สมเหตุสมผล เพราะในอดีต ก็มีการให้ประกันตัวในคดีนี้มาหลายคดีแล้ว ทั้งยังชี้ถึงเรื่องการหลบหนีที่ศาลชี้แจงนั้นว่า เบนจาเป็น นศ.วิศกรรมศาสตร์ ม.ธรรมศาสตร์ ทั้งยังไม่ได้มีพฤติกรรมหลบหนี จึงควรได้รับสิทธิประกันตัว เพื่อไปเรียน สอบ และทำกิจกรรม
ธนาธรยังกล่าวถึงการใช้กฎหมายในการกดขี่ ปราบปรามคนเห็นต่างในคดีการเมือง ว่ามีคดีการเมือง 800 กว่าคดี มีผู้ต้องหากว่า 1,500 คนที่ถูกดำเนินคดี ไม่ว่าจะมาตรา 112, 116, พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์, พ.ร.บ.ชุมนุมสาธารณะ คดีการเมืองต่าง ๆ หลายกรณีถูกกระทำด้วยกระบวนการที่ไม่เป็นธรรม หลายกรณีมีการข่มขู่คุกคามผู้ต้องหา และเห็นได้ชัดว่านี่คือการใช้กฎหมายเป็นเครื่องมือลิดรอนสิทธิเสรีภาพ ซึ่งในวันนี้ที่มาเป็นนายประกัน เพื่อยืนยันว่าจะร่วมต่อสู้
“เราอยากจะเห็นคนที่มีบทบาทในสังคมออกมายืนหยัดเคียงข้างนักเรียน นักศึกษา ประชาชนที่ออกมาต่อสู้มากกว่านี้ อยากทำให้ทุกคนเห็นว่าไม่ได้มีอะไรต้องหวาดกลัว และประชาชนยังยืนหยัดอยู่ร่วมกัน วันนี้ผมมาเป็นนายประกันด้วยตัวเองเพื่อยืนหยัดว่านี่คือหนึ่งในสิ่งที่พวกเราทำได้” ธนาธรกล่าว
ในฐานะนายประกัน ธนาธรยังกล่าวว่า หวังว่าวันนี้ศาลจะเห็นถึงความบริสุทธิ์ใจของเบนจาที่ออกมาต่อสู้เรียกร้องในเรื่องที่สำคัญต่ออนาคตของประเทศ และหากเบนจายังไม่ได้ประกันในวันนี้ เราก็จะต้องใช้ช่องทางเท่าที่เรามีต่อสู้เพื่อสิทธินี้ต่อไป ทั้งยังระบุว่า การใช้ ม.112 เป็นการปิดปากผู้เห็นต่าง ไม่ให้ประชาชนพูดเรื่องการปฏิรูปสถาบันกษัตริย์ ซึ่งย้ำว่าการพูดเรื่องปฏิรูปสถาบันกษัตริย์ไม่ใช่การล้มล้าง แต่เป็นการทำให้สถาบันกษัตริย์มั่นคง เข้ากับยุคสมัย สอดรับกับหลักการประชาธิปไตย