นพ.ศุภกิจ ศิริลักษณ์ อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ ได้ออกมาแถลงกรณีที่ไทยพบผู้ติดเชื้อ COVID-19 สายพันธุ์เดลต้า โดยยืนยันว่า ไทยพบผู้ติดเชื้อสายพันธุ์เดลต้าพลัส 1 รายเป็นสายพันธุ์ย่อย AY.1 ไม่ใช่สายพันธุ์ AY.4.2 ที่กำลังระบาดหนักในอังกฤษ และแพร่เชื้อได้ไวขึ้น 10-15%
นพ.ศุภกิจ อธิบายว่า COVID-19 สายพันธุ์เดลต้าปกติคือ B.1.617.2 ซึ่งพบที่แรกในอินเดีย และครองสัดส่วนการระบาดทั่วโลก 80-90% ครองสัดส่วนการระบาดในไทย 98.6% ซึ่ง B.1.617.2 จะมีสายพันธุ์ย่อย 47 สายพันธุ์ เรียกว่า AY.1 – AY.47 (สามารถเรียกว่าเป็นเดลต้าพลัสทั้งหมด) ซึ่งสายพันธุ์ย่อยที่ทั่วโลกจับตาอยู่ขณะนี้คือ AY.4.2 ซึ่งเป็นสายพันธุ์ที่ระบาดในอังกฤษ
AY.4.2 เป็นสายพันธุ์ที่มีการกลายพันธุ์ในตำแหน่ง Y145H และ A222V ทำให้แพร่เชื้อง่ายขึ้น 10-15% แต่เรื่องความสามารถในการหลบเลี่ยงภูมิคุ้มกันยังไม่มีการยืนยันออกมา ซึ่งสายพันธุ์ AY.4.2 นี้ ‘ยังไม่พบในไทยเลยแม้แต่คนเดียว’
ผู้ป่วย COVID-19 เดลต้าพลัสที่พบในจังหวัดกำแพงเพชร (เดินทางมาจากอยุธยา) เป็นสายพันธุ์ย่อย ‘AY.1’ ซึ่งมีการกลายพันธุ์ในตำแหน่ง K417N ตำแหน่งเดียวกับที่พบในเบต้า แต่ยังไม่มีข้อมูลยืนยันว่าสามารถแพร่เชื้อได้เร็วขึ้น หรือทำให้มีอาการหนักขึ้นหรือไม่ เป็นสายพันธุ์ที่ทั่วโลกยังไม่จัดอยู่ในส่วนของสายพันธุ์ที่น่ากังวลหรือต้องจับตามอง
ทั้งนี้ นอกจากผู้ป่วย COVID-19 สายพันธุ์เดลต้าพลัส ไทยยังพบผู้ป่วยสายพันธุ์อัลฟ่าพลัส จำนวน 18 คนแบ่งเป็นชาวต่างชาติ 12 คน และ 6 คนเป็นคนไทยในจังหวัดเชียงใหม่ ตราด และจันทรบุรี
สำหรับ COVID-19 สายพันธุ์อัลฟ่าพลัสมีการกลายพันธุ์ในตำแหน่ง E484K (เหมือนเบต้าและแกมม่า) ซึ่งเป็นตำแหน่งที่หลบภูมิได้ และอาการอาจจะมีมากกว่าเดิม แต่ COVID-19 สายพันธุ์อัลฟ่าครองสัดส่วนการระบาดในไทยน้อยมากเมื่อเทียบกับเดลต้า ทำให้อำนาจในการกระจายเชื้อมีไม่สูง จึงมีผู้ติดเชื้อไม่สูง อย่างไรก็ตาม กรมวิทย์ฯ ระบุว่า หลังจากนี้จะมีการตรวจสอบเพิ่มเติมต่อไป
อ้างอิงจาก
https://web.facebook.com/fanmoph/videos/469741960974668