เปิดประเทศมาได้เกือบครึ่งเดือน ศูนย์กลางการท่องเที่ยวในภูมิภาคอย่างประเทศไทยก็ได้กลับมาต้อนรับชาวต่างชาติที่เดินทางมาด้วยจุดประสงค์เพื่อการเที่ยวอีกครั้ง หลังจากปิดประเทศมาเกือบสองปี
.
จากการอนุญาตให้นักท่องเที่ยวชาวต่างชาติเดินทางเข้ามาในประเทศไทยได้โดยไม่ต้องกักตัวนั้น การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เผยข้อมูล ว่าตั้งแต่วันที่ 1 พฤศจิกายน พ.ศ.2564 บรรยากาศการท่องเที่ยวเริ่มดีขึ้น โดยอัตราการเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวในประเทศไทยเฉลี่ยอยู่ที่ 2,000–3,000 คน/วัน โดยที่นักท่องเที่ยวจากสหรัฐอเมริกามีจำนวนมากที่สุด รองลงมาได้แก่ เยอรมนี อังกฤษ ญี่ปุ่น สวิตเซอร์แลนด์ สวีเดน เกาหลีใต้ เนเธอร์แลนด์ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ และจีน
.
‘ฐาปนีย์ เกียรติไพบูลย์’ รองผู้ว่าการด้านตลาดในประเทศ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ระบุว่า แผนการเปิดประเทศของประเทศไทย หากดูจากไทม์ไลน์จะพบว่า ดำเนินการอย่างเป็นขั้นเป็นตอน เริ่มต้นจากการเปิดภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์ในวันที่ 1 กรกฎาคม พ.ศ.2564 ก่อนทยอยเปิดพื้นที่อื่นมาเรื่อยๆ และเปิดประเทศในวันที่ 1 พฤศจิกายนที่ผ่านมา โดยนักท่องเที่ยวไม่ต้องกักตัว ซึ่งพบว่าค่อนข้างเป็นผลดีกับผู้ประกอบการท่องเที่ยวในประเทศไทย
.
“ช่วงแรกที่เปิดภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์ นักท่องเที่ยวมีเพียง 300–500 คนต่อวัน แต่การเปิดประเทศ 1 พฤศจิกายน พ.ศ.2564 มีนักท่องเที่ยวเดินทางไปที่ภูเก็ตประมาณวันละ 1 พันคน เพราะสามารถไปที่อื่นได้ และมีการผ่อนคลายนโยบายด้วย ส่วนใหญ่มาเที่ยวด้วยแพ็กเกจ Test&Go คือเมื่อผลตรวจ RT-PCR เป็นลบเขาก็เที่ยวได้เลย ทำให้ผู้ประกอบการดีไซน์ลูกเล่นการขายได้มากขึ้น นักท่องเที่ยวก็เลือกคำตอบเส้นทาง เลือกไปที่อื่นได้อีกหลายทาง”
.
ขณะที่การท่องเที่ยวภายในประเทศก็กลับมาคึกคักตั้งแต่ 15 ตุลาคมที่ผ่านมาหลังจากการเปิดเมือง ซึ่งท่องเที่ยวทำรายได้รวมจากตรงนี้ไปกว่า 3,500 ล้านบาท
.
.
● ฝั่งโรงแรมเครือ AWC เปิดตัวโรงแรมลำดับที่ 19 กลางเมืองภูเก็ต รับเปิดประเทศ
.
ด้านผู้ประกอบการท่องเที่ยวเอกชนอย่างเครือ บริษัท แอสเสท เวิรด์ คอร์ป จำกัด (มหาชน) หรือ AWC ผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ครบวงจรของไทย ได้ประเทศเปิดตัวโรงแรมแห่งใหม่ ‘คอร์ทยาร์ด แมริออท ภูเก็ต ทาวน์’ เมื่อ 9 พฤศจิกายนที่ผ่านมา โดย ‘วัลลภา ไตรโสรัส’ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ ระบุว่า เป็นการเปิดโรงแรมเพื่อรับกับการเปิดประเทศ ซึ่งเป็นโรงแรมลำดับที่ 19 ของกลุ่ม AWC โดยก่อนหน้านี้ทางบริษัทก็ได้คุยกับหลายเจ้าของกลุ่มโรงแรมใหญ่ทั่วโลกที่ได้เข้ามาซื้อและลงทุนในประเทศไทย ซึ่งโรงแรมเหล่านั้นยังคงเชื่อมั่นในศักยภาพการท่องเที่ยวไทย
.
โดย AWC เริ่มเห็นสัญญาณบวกของการท่องเที่ยวในช่วงสองเดือนสุดท้ายของปี พ.ศ.2564 และเห็นกำลังซื้อจากกลุ่มนักเดินทางชาวต่างชาติกลับเข้ามาในช่วงต้นปีหน้า โดยเฉพาะกลุ่มลูกค้าที่มีกำลังซื้อสูงซึ่งเริ่มเดินทางเข้ามาเป็นกลุ่มแรกๆ นอกจากนี้ เครือโรงแรมยังได้เห็นยอดยืนยันการจัดงานเข้ามาอย่างต่อเนื่อง และธุรกิจโรงแรมน่าจะกลับมาฟื้นได้ในช่วงต้นปีหน้าเป็นต้นไป
.
“เดือนตุลาคมที่ผ่านมา เราเห็นยอดจองโรงแรมกลับขึ้นมา และในเดือนพฤศจิกายนนี้ เรามียอดจอง 30% ของยอดที่พักทั้งหมด ส่วนโรงแรมคอร์ทยาร์ดซึ่งเปิดใหม่ ก็มียอดจองเข้ามาเรื่อยๆ และล่าสุดก็ได้ยอดจองล็อตใหญ่กว่า 2,000 ห้อง เป็นเป็นยอดจองจาก air crew จึงคาดว่ายอดจองโรงแรมทั้งเครือในเดือนธันวาคม น่าจะไปถึง 40% ของจำนวนที่พักทั้งหมด”
.
.
● ประเมินสถานการณ์ท่องเที่ยวไทยต่อจากนี้
.
รองผู้ว่าการด้านตลาดในประเทศ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ได้เผยคาดการณ์ถึงเทรนด์การท่องเที่ยวไทย และเศรษฐกิจท่องเที่ยวไทยต่อจากนี้ด้วยว่า ความหวังการท่องเที่ยวไทยตอนนี้อยู่ที่ภาคประชาชนด้วย ซึ่งปัจจุบันประชาชนเริ่มอยู่ร่วมกับ COVID-19 ได้แล้ว ดังนั้นไทยเราจึงสามารถดูแลเรื่องของเศรษฐกิจและสาธารณสุขควบคู่กันไปได้
.
อย่างไรก็ดี ในการฟื้นกลับมาของนักท่องเที่ยวต่างชาติในรอบนี้ ประเทศไทยได้กลุ่มนักท่องเที่ยวใหม่ เช่น กลุ่มอิสราเอล ซึ่งเป็นกลุ่มที่มีกำลังซื้อสูง ขณะที่โพลจากนานาชาติก็ระบุว่า ประเทศไทยยังขึ้นแท่นปลายทางอันดับต้นๆ ของโลก ที่นักเดินทางทั่วโลกอยากจะเดินทางมาหลัง สถานการณ์ COVID-19 ดีขึ้น
.
ซึ่งทาง ททท. เชื่อว่า ปลายปีนี้ จนถึงตลอดปีหน้า กำลังการท่องเที่ยวทั้งในประเทศและนอกประเทศจะกลับมา และตั้งเป้าหมาย ปี พ.ศ.2565 จะต้องทำรายได้จากการท่องเที่ยวให้ได้ 882,034 ล้านบาท (ใกล้เคียงกับยอดปี พ.ศ.2562) โดยคาดหวังต่างชาติเดินทางเข้ามา 18 ล้านคน (ค่าใช้จ่ายเฉลี่ยต่อคน 58,667 บาท) และคนไทยท่องเที่ยว 160 ล้านคน/ครั้ง (ค่าใช้จ่ายเฉลี่ยต่อคน 4,053 บาท)
.
โดยจากนี้จะผลักดันนโยบายการท่องเที่ยวเน้นเชิงประสบการณ์ และ workation หรือการท่องเที่ยวแบบ เที่ยวไปทำงานไปด้วย
.