“ไม่ว่า คสช. จะอ้างเหตุผลอะไรในการทำรัฐประหารเมื่อปี 2557 หรืออ้างเหตุผลที่ออกประกาศคำสั่งมาเพิ่มอำนาจให้ทหารและจำกัดสิทธิเสรีภาพของประชาชนในช่วงห้าปีนั้น บัดนี้เหตุผลทั้งหมดผ่านไปแล้ว เหลือเพียงคำถามที่ตั้งอยู่ตรงหน้าของทุกท่านว่าสังคมไทยจะเดินหน้าต่อไปอย่างไร จะอยู่กันโดยใช้ประกาศคำสั่งของคณะรัฐประหารเป็นหลักในการปกครองต่อไป หรือจะกลับคืนสู่ระบบกฎหมายที่ออกโดยตัวแทนของประชาชน”
แม้ว่า คณะรักษาความสงบแห่งชาติ หรือ คสช.จะไม่มีอยู่แล้ว แต่มรดก และคำสั่งหลายอย่างในยุค คสช.ยังมีผลในปัจจุบันอยู่ โดยในวันนี้ (8 ธันวา 2564) สภาได้มีการพิจารณาร่าง พ.ร.บ.ปลดอาวุธคสช ที่ประชาชน 13,409 คน ร่วมกันเข้าชื่อเสนอกฎหมายเพื่อให้ยกเลิกประกาศและคำสั่ง คสช. ที่ขัดต่อสิทธิเสรีภาพและประชาธิปไตย โดยยิ่งชีพ อัชฌานนท์ ผู้จัดการ iLawหนึ่งในผู้เสนอร่างกฎหมายนี้ ก็ได้เข้าชี้แจงในสภาถึงเหตุจำเป็นของกฎหมายฉบับนี้
ยิ่งชีพชี้แจงว่า ในระยะเวลา 5 ปี ตั้งแต่ คสช.ทำรัฐประหารประเทศไทยถูกปกครองภายใต้ระบบกฎหมายแบบพิเศษ คือ ระบบที่มีประกาศและคำสั่งของคณะรัฐประหารเป็นใหญ่ อยู่เหนือกฎหมายทั้งปวง โดยประยุทธ์ ได้ออกประกาศและคำสั่ง นับได้ 556 ฉบับ ทั้ง ม.44 และราชกิจจานุเบกษา ซึ่งทั้งหมดออกมาโดยอำนาจเบ็ดเสร็จที่ขาดการมีส่วนร่วม ขาดการตรวจสอบ เมื่อประกาศใช้ก็มีผลบังคับทันที ทั้งกฎหมายเหล่านี้ ยังบังคับใช้ควบคู่กับกฎหมายระดับพระราชบัญญัติด้วย หมายความว่าเราไม่ได้อยู่ในระบบกฎหมายที่ปกติแน่นอน
การชี้แจงของผู้เสนอร่างกฎหมายยังระบุถึงผลกระทบด้านต่างๆ จากคำสั่ง คสช. เช่น การห้ามชุมนุมเกิน 5 คน ที่ริดรอนสิทธิการแสดงออกของประชาชน การเรียกประชาชนไปรายงานตัว การจำกัดเสรีภาพสื่อมวลชน และการทำกิจกรรมของพรรคการเมือง “เสรีภาพการแสดงออก เสรีภาพการชุมนุม เสรีภาพสื่อ ในยุคของ คสช. จึงไม่มีอยู่เลย หรือมีอยู่บ้างก็เพียงเท่าที่ คสช. อนุญาตให้มีได้เท่านั้น” ยิ่งชีพระบุ
โดยสำหรับร่างกฎหมายนี้ ได้มีการรวบรวมรายชื่อ และยื่นกับทางสภา ตั้งแต่เดือนมิถุนายน ปี 2562 และรอถึง 2 ปีกว่า เพื่อให้มีการพิจารณา ซึ่งทำให้มีคำสั่งหลายฉบับที่ประกาศยกเลิกไปแล้ว โดยยิ่งชีพกล่าวว่า “ไม่ว่า คสช. จะอ้างเหตุผลอะไรในการทำรัฐประหารเมื่อปี 2557 หรืออ้างเหตุผลที่ออกประกาศคำสั่งมาเพิ่มอำนาจให้ทหารและจำกัดสิทธิเสรีภาพของประชาชนในช่วงห้าปีนั้น บัดนี้เหตุผลทั้งหมดผ่านไปแล้ว เหลือเพียงคำถามที่ตั้งอยู่ตรงหน้าของทุกท่านว่าสังคมไทยจะเดินหน้าต่อไปอย่างไร จะอยู่กันโดยใช้ประกาศคำสั่งของคณะรัฐประหารเป็นหลักในการปกครองต่อไป หรือจะกลับคืนสู่ระบบกฎหมายที่ออกโดยตัวแทนของประชาชน”
นอกจากยิ่งชีพแล้ว สุภาภรณ์ มาลัยลอย จาก EnLaw ก็ได้ยังขึ้นชี้แจง ถึงเรื่องสิ่งแวดล้อม และการใช้อำนาจ คสช.ที่เข้ามาจัดการเรื่องที่ดินไปเอื้อนายทุน รวมถึง อานนท์ ชวาลาวัณย์ ที่ได้ชี้แจงเรื่อง การดำเนินคดีกับพลเรือนด้วยศาลทหาร ในยุค คสช.ด้วย ก่อนที่พรรคก้าวไกล ซึ่งได้เสนอร่างกฎหมายยกเลิกประกาศและคำสั่งคณะรักษาความสงบแห่งชาติเช่นกัน จะขึ้นชี้แจงต่อ โดยคาดว่าจะมีการลงมติร่างกฎหมายนี้ ในช่วงต่อไป
The MATTER เคยเขียนอธิบายถึงเหตุผลที่ยังต้องมาพิจารณาร่าง พ.ร.บ.ยกเลิก ‘ประกาศ/คำสั่ง คสช.’ แม้ว่า คสช.จะยุบไปแล้ว สามารถอ่านและทำความเข้าใจได้ที่ : thematter.co