สถานการณ์ในประเทศเพื่อนบ้านอย่างเมียนมา ยังคงน่ากังวลและต้องจับตามอง เมื่อรัฐบาลทหารโจมตีประชาชนอย่างต่อเนื่อง จนชาวเมียนมาหลายคนต้องอพยพหนีมาประเทศไทย ขณะที่ฝั่งไทยเองก็มีประชาชนเดือดร้อนและบ้านเรือนได้รับความเสียหายด้วยเช่นกัน
เหตุการณ์ในเมียนมา เกิดขึ้นหลังจากที่กองทัพก่อรัฐประหารยึดอำนาจจากรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งของประชาชนตั้งแต่วันที่ 1 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ซึ่งจนถึงตอนนี้ มีประชาชนเสียชีวิตจากการถูกปราบปรามไปแล้วมากกว่า 1,300 ราย
แล้วในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา รัฐบาลทหารลงมือกับประชาชนอย่างไรบ้าง The MATTER รวบรวมมาให้ดังนี้
ในช่วง 2-3 วันมานี้ มีรูปภาพที่ถูกระบุว่าถ่ายจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในเมืองพรูโซ รัฐกะยา แสดงให้เห็นถึงซากศพของผู้คนที่ถูกเผาไหม้จนเหลือแต่ตอตะโกกองรวมกันอยู่ในรถบรรทุก
พยานผู้เห็นเหตุการณ์ให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าว AP ว่า ซากศพถูกเผาจนจำไม่ได้ว่าใครเป็นใคร ทั้งยังพบเสื้อผ้าสำหรับเด็กและผู้หญิงพร้อมกับเวชภัณฑ์และอาหาร ซึ่งผู้เห็นเหตุการณ์เล่าว่า “ศพถูกมัดด้วยเชือกก่อนที่จะจุดไฟเผา” โดยมีรายงานอีกว่า พบกะโหลกมนุษย์ 27 ชิ้นในที่เกิดเหตุ
อีกด้านหนึ่ง แถลงการณ์จากรัฐบาลทหารเมียนมาที่เผยแพร่ผ่านหนังสือพิมพ์ท้องถิ่น ระบุว่า ผู้โดยสารที่อยู่รถที่ถูกพบนั้นไม่ยอมหยุดเจ้าหน้าที่ให้ตรวจสอบตามคำสั่ง และ ‘ผู้ก่อการร้าย (คำที่รัฐบาลทหารใช้)’ ได้ยิงใส่ทหาร ทำให้ทหารต้องตอบโต้กลับ แต่ในแถลงการณ์ไม่ได้ระบุถึงการเผารถยนต์หรือผู้คนแต่อย่างใด ซึ่งสื่อมวลชนยังไม่สามารถติดต่อกองทัพเมียนมาเพื่อขอความคิดเห็นในประเด็นดังกล่าวได้
อย่างไรก็ดี พยานคนดังกล่าวระบุว่า เขาไม่ได้เห็นช่วงเวลาที่ประชาชนถูกสังหาร แต่เชื่อว่าผู้เสียชีวิตบางคนเป็นชาวบ้านจากหมู่บ้านมูซู ที่มีรายงานว่าถูกทหารจับกุมเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา และเขายังยืนยันด้วยว่า ผู้ที่ถูกจับนั้นไม่ได้เป็นสมาชิกของกลุ่มติดอาวุธที่จัดตั้งขึ้นในท้องถิ่น
สำหรับการจับกุมที่หมู่บ้านมูซูนั้น สื่อท้องถิ่นรายงานว่า มีผู้ถูกจับกุมไปอย่างน้อย 10 ราย โดยในจำนวนนั้นมีเด็กด้วย ขณะที่สมาชิก 4 คนของกองกำลังพิทักษ์ชายแดนท้องถิ่นได้ไปเจรจากับกองทัพเพื่อขอให้ปล่อยตัวชาวบ้าน แต่กลับถูกจับมัดและถูกยิงเข้าที่ศีรษะ
Myanmar Witness องค์กรไม่แสวงหาผลกำไรในสหราชอาณาจักรที่ตรวจสอบเรื่องการละเมิดสิทธิมนุษยชนในเมียนมา ยืนยันข้อเท็จจริงจากรายงานของสื่อมวลชนท้องถิ่นและข้อมูลจากพวกกองกำลังท้องถิ่นที่ระบุว่า “มีพลเรือน 35 ราย รวมถึงเด็กและผู้หญิง ถูกเผาและสังหารโดยทหาร ที่เมืองพรูโซ เมื่อวันที่ 24 ธันวาคมที่ผ่านมา”
นอกจากนี้ ทาง Myanmar Witness ยังอ้างถึงข้อมูลดาวเทียมที่แสดงให้เห็นว่าเกิดเหตุไฟไหม้ในเมืองพรูโซ ตอนเวลา 13.00 น. ของวันเดียวกันนั้นด้วย
ข้อมูลนี้ สอดคล้องกับ มาร์ติน กริปฟิธส์ (Martin Griffiths) รองเลขาธิการฝ่ายกิจการสิทธิมนุษยชนสหประชาชาติ ซึ่งออกแถลงการณ์เมื่อวานนี้ (26 ธันวาคม) ว่ามีประชาชนอย่างน้อย 35 ราย รวมเด็กอย่างน้อย 1 ราย ถูกลากออกจากรถ ก่อนจะถูกฆ่าและถูกเผาจนเกรียม
“ผมขอประณามเหตุการณ์ร้ายแรงและการโจมตีพลเรือนทั่วทุกแห่งทั่วประเทศนี้ ซึ่งเป็นสิ่งต้องห้ามภายใต้กฎหมายมนุษยธรรมระหว่างประเทศ”
นอกจากนี้ กริปฟิธส์ยังเรียกร้องให้มีการตรวจสอบอย่างทั่วถึงและโปร่งใส เพื่อให้เอาผิดผู้ก่อเหตุได้ และเพื่อเป็นการปกป้องประชาชนจากเหตุรุนแรงนี้
ขณะที่ Save the Children องค์กรด้านสิทธิมนุษยชน ระบุว่า พนักงานขององค์กรจำนวน 2 คน หายตัวไป และพบซากรถที่ทั้งคู่ใช้เดินทางกลับบ้านในช่วงวันคริสต์มาสรวมปะปนอยู่กับซากรถคันอื่นๆ ที่ถูกเผาไหม้
“เราหวาดกลัวความรุนแรงที่เกิดขึ้นกับประชาชนผู้บริสุทธิ์ และพนักงานของเราที่อุทิศตนเพื่อมนุษยธรรมและช่วยเหลือเด็กหลายล้านคนที่ต้องการความช่วยเหลือทั่วประเทศเมียนมา” ผู้บริหารขององค์กร Save the Children กล่าว
รัฐบาลเอกภาพแห่งชาติ (National Unity Government) ที่จัดตั้งขึ้นโดยคณะกรรมการผู้แทนสมัชชาแห่งสหภาพ ฝ่ายที่สนับสนุนประชาธิปไตยในเมียนมา เรียกเหตุการณ์นี้ว่า ‘การสังหารหมู่ในวันคริสต์มาส’
ไม่ใช่แค่รัฐกะยาเท่านั้น แต่เหตุการณ์สังหารหมู่ประชาชนเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องในหลายพื้นที่ โดยเมื่อสัปดาห์ก่อน พยานผู้เห็นเหตุการณ์จากหมู่บ้านหยิน ซึ่งเป็นจุดที่มีประชาชนอย่างน้อย 14 รายถูกทำร้ายจนเสียชีวิต ให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าว BBC ว่า พลเรือนจำนวนมากถูกมัดเอาไว้ และถูกซ้อมทรมานด้วยก้อนหินและด้ามปืนไรเฟิลก่อนจะเสียชีวิตลง โดยศพของพวกเขาถูกโยนทิ้งไปในป่า
อีกทั้ง ยังมีรายงานว่า กองทัพเมียนมาสังหารประชาชนไปอย่างน้อย 11 ราย ซึ่งมีเด็กรวมอยู่ด้วย 5 ราย ที่หมู่บ้านแห่งหนึ่งในเขตสะกาย ทางตะวันตกเฉียงเหนือของประเทศ ก่อนจุดไฟเผาเพื่อตอบโต้ที่ประชาชนซุ่มโจมตีเจ้าหน้าที่
ขณะเดียวกัน ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา กองทัพเมียนมา ยังได้ยิงถล่มหมู่บ้านของกองกำลังกะเหรี่ยง KNU ในช่วงกลางดึก โดยเหตุการณ์เช่นนี้เกิดขึ้นซ้ำๆ และต่อเนื่องเป็นเวลานานในช่วงหลายวันที่ผ่านมา โดยมีกระสุนไม่ทราบชนิดตกลงมาฝั่งไทย และมีบ้านเรือนของประชาชนที่ได้รับความเสียหายอย่างน้อย 1 หลัง
ผู้ว่าราชการจังหวัดตาก กล่าวว่า มีประชาชนกว่า 4,700 อพยพเข้ามาจากเมียนมา และพักอยู่ตามแนวชายแดนซึ่งแม้จะมีแม่น้ำคั่นระหว่างประเทศ แต่ก็ยังเป็นจุดที่ยังคงได้ยินเสียงปืนและระเบิดดังอย่างต่อเนื่อง [อ่านสรุปสิ่งที่เกิดขึ้นในแม่สอด ได้ที่: thematter.co]
สถานการณ์ในเมียนมา ประเทศเพื่อนบ้านของเรา ยังไม่มีทีท่าว่าจะยุติลงในเร็ววันนี้ นับตั้งแต่ที่เกิดการรัฐประหารมาเป็นเวลา 11 เดือน ดังนั้น นี่จึงถือเป็นประเด็นสำคัญที่ต้องจับตามองกันต่อไป
อ้างอิงข้อมูลจาก