โจ ไบเดน ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ได้ขึ้นแถลงต่อสภาคองเกรส ในสุนทรพจน์ State of the Union ซึ่งเป็นการแถลงนโยบายของประธานาธิบดีประจำปีต่อรัฐสภา และจะมีขึ้นในช่วงขึ้นปีใหม่ของทุกๆ ปี สำหรับปีนี้ มีขึ้นในวันที่ 1 มี.ค. 2565 (ตามเขตเวลาตะวันออก) และถือเป็นครั้งแรกของประธานาธิบดีไบเดน
เรื่องแรกที่ไบเดนแถลงถึงก็คือ การรุกรานยูเครนโดยรัสเซีย ในสุนทรพจน์ครั้งนี้ ไบเดนเรียกวลาดิเมียร์ ปูติน ประธานาธิบดีของรัสเซีย ว่าเป็น ‘เผด็จการ’ อย่างชัดเจน ขณะที่ประเมินว่าปูตินคำนวณพลาดอย่างหนักที่ตัดสินใจส่งทหารเข้ามาในยูเครน
“เขาคิดว่าเขาจะเข้ามาในยูเครนและทั้งโลกจะยอมอยู่เฉย แต่ไม่ใช่ เขาต้องเจอกับกำแพงของพลังที่เขาไม่อาจจินตนาการ เขาต้องเจอกับชาวยูเครน ตั้งแต่ประธานาธิบดีเซเลนสกี ไปจนถึงชาวยูเครนทุกๆ คน ความไม่เกรงกลัว ความกล้าหาญ การยืนหยัด เป็นแรงบันดาลใจให้กับทั้งโลก
“ตลอดทั้งประวัติศาสตร์ เราได้เรียนรู้ว่า เมื่อเผด็จการไม่ต้องชดใช้กับการรุกราน พวกเขาก็จะยิ่งนำมาซึ่งความโกลาหล พวกเขาจะรุกคืบเข้ามาเรื่อยๆ และราคากับภัยคุกคามที่อเมริกาและทั้งโลกต้องเผชิญ ก็จะยิ่งมีมากขึ้น”
จากนั้น ไบเดนชี้ชัดว่า “ในการต่อสู้ระหว่างประชาธิปไตยกับเผด็จการ ประชาธิปไตยจะรุ่งโรจน์ และชัดเจนว่าโลกกำลังเลือกข้างสันติภาพและความมั่นคง”
ในการแถลงครั้งนี้ จิล ไบเดน สตรีหมายเลขหนึ่ง ได้เชิญ ออกซานา มาร์คาโรวา เอกอัครราชทูตยูเครนประจำสหรัฐฯ ขึ้นนั่งข้างสตรีหมายเลขหนึ่ง ก่อนที่รัฐสภาจะลุกขึ้นยืนปรบมือ เพื่อให้เกียรติมาร์คาโรวา และประเทศยูเครน
ไบเดนได้ประกาศรายละเอียดมาตรการต่างๆ ของสหรัฐเพื่อตอบโต้รัสเซียและช่วยเหลือยูเครนในด้านต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นความช่วยเหลือทางทหาร ความช่วยเหลือทางเศรษฐกิจ และความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรม
ไบเดนระบุว่า สหรัฐฯ กำลังตัดธนาคารใหญ่ของรัสเซียออกจากระบบการเงินระหว่างประเทศ ปิดกั้นการเข้าถึงเทคโนโลยีของรัสเซีย ปิดน่านฟ้าสหรัฐฯ ไม่ให้สายการบินรัสเซียบินเข้า–ออก จะสืบสวนเพื่อเอาผิดชนชั้นปกครองของรัสเซียทางอาชญากรรม รวมถึงยึดทรัพย์สิน เช่น เรือยอร์ชและอพาร์ทเมนต์หรู นอกจากนี้ ยังได้มอบเงิน 1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เพื่อช่วยเหลือยูเครนโดยตรง
อย่างไรก็ดี ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ยืนยันว่า จะไม่ส่งทหารเข้าไปสู้รบในยูเครน แต่ในขณะนี้ ได้ส่งกองกำลังเดินเท้า ฝูงบิน และเรือรบ เข้าไปในยุโรปบ้างแล้ว เพื่อปกป้องประเทศสมาชิก NATO เช่น โปแลนด์ โรมาเนีย ลัตเวีย ลิทัวเนีย และเอสโตเนีย
อ้างอิงจาก
https://www.nytimes.com/2022/03/01/us/politics/biden-putin-state-of-the-union.html