“คุณพร้อมที่จะส่งกองทัพไปช่วยปกป้องไต้หวันหรือไม่ ถ้ามาถึงจุดนั้น?” นักข่าวถาม โจ ไบเดน ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ในงานแถลงข่าวร่วมกับ ฟูมิโอะ คิชิดะ นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น
“ใช่” ไบเดนตอบ “ใช่หรือ?” นักข่าวถามกลับ ก่อนที่ไบเดนจะยืนยันว่า “นั่นคือข้อผูกมัดที่เราได้ให้ไว้”
เขาอธิบายว่า สหรัฐฯ เห็นด้วยกับนโยบายจีนเดียว (One-China policy) ที่ถือว่าไต้หวันเป็นส่วนหนึ่งของจีน แต่ก็มองว่า แนวคิดที่ว่า จีนสามารถใช้กำลังยึดครองไต้หวันได้นั้น ถือว่าไม่เหมาะสมเอาเสียเลย อย่างไรก็ดี เขาก็คาดหวังว่าเหตุการณ์ดังกล่าวจะไม่เกิดขึ้น
การประกาศเช่นนี้เท่ากับว่า สหรัฐฯ เปลี่ยนแปลงจุดยืนในเรื่องไต้หวันอย่างชัดเจน จากเดิมที่เน้นดำเนินนโยบายแบบ ‘ความคลุมเครือทางยุทธศาสตร์’ (strategic ambiguity) ที่จะไม่แสดงออกชัดเจนว่าจะปกป้องหรือตอบโต้ในกรณีของไต้หวันอย่างไร
อย่างไรก็ดี หนังสือพิมพ์ The New York Times ชี้ว่า ในงานแถลงข่าวครั้งนี้ เจ้าหน้าที่ทำเนียบขาวบางคนออกอาการตกใจชัดเจนหลังจากที่ไบเดนให้คำตอบในเรื่องดังกล่าว ก่อนที่จะมีเจ้าหน้าที่คนหนึ่งออกมาชี้แจงว่า “นโยบายของเราไม่ได้มีการเปลี่ยนแปลงแต่อย่างใด”
ทั้งนี้ แถลงการณ์ร่วมระหว่างประธานาธิบดีสหรัฐฯ และนายกฯ ญี่ปุ่น ระบุถึงจุดยืนในเรื่องไต้หวันว่า “ยังคงไม่เปลี่ยนแปลง” และเน้นย้ำถึงความสำคัญของสันติภาพและเสถียรภาพในบริเวณช่องแคบไต้หวัน พร้อมเรียกร้องให้มีการแก้ปัญหาโดยสันติ ในประเด็นที่เกี่ยวข้อง
ปัจจุบัน ประธานาธิบดีไบเดนกำลังอยู่ในระหว่างการเยือนญี่ปุ่นเพื่อหารือเกี่ยวกับประเด็นทางเศรษฐกิจในภูมิภาค และมีจุดประสงค์ที่สำคัญอย่างหนึ่งคือการเปิดตัวพันธมิตรทางเศรษฐกิจ ที่เรียกว่า ‘กรอบความร่วมมือเศรษฐกิจอินโด–แปซิฟิก’ (Indo-Pacific Economic Framework)
กรอบความร่วมมือดังกล่าวประกอบด้วยสหรัฐฯ และประเทศสมาชิกในเอเชีย 13 รวม ประเทศ คือ ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ ญี่ปุ่น อินเดีย เกาหลีใต้ อินโดนีเซีย ฟิลิปินส์ มาเลเซีย สิงคโปร์ เวียดนาม บรูไน รวมถึงไทยด้วย โดยคาดกันว่าเป็นนโยบายหนึ่งที่ออกมาเพื่อคานอำนาจของจีน
อ้างอิงจาก
https://www.nytimes.com/2022/05/23/world/asia/biden-taiwan-defense.html
https://edition.cnn.com/2022/05/22/politics/joe-biden-japan-monday/index.html