ที่ประชุมร่วมกันของรัฐสภา ของ ส.ส. และ ส.ว.แต่งตั้ง ระหว่างวันที่ 16-17 มิ.ย.2565 เตรียมพิจารณาร่างกฎหมายสำคัญระดับ ‘พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ (พ.ร.ป.)’ จำนวน 2 ฉบับ ซึ่งเป็นเงื่อนไขที่จำเป็นต่อการเดินหน้าไปสู่การเลือกตั้ง ส.ส. ครั้งถัดไป ได้แก่ ร่างแก้ไข พ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. และร่างแก้ไข พ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมือง ซึ่งคณะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญพิจารณาเสร็จแล้ว
เหตุผลที่รัฐสภา ต้องมาร่วมกันพิจารณาร่างกฎหมาย 2 ฉบับนี้ ก็เนื่องมาจากการแก้ไขรัฐธรรมนูญฉบับปี 2560 ยกเลิกบัตรเลือกตั้ง ส.ส. ‘ใบเดียว’ ที่สร้างปัญหาให้กับทุกฝ่าย กลับไปใช้บัตรเลือกตั้ง ส.ส. ‘2 ใบ’ เหมือนในอดีต พร้อมกับปรับสัดส่วนจำนวน ส.ส.เขต เป็น 400 คน (เพิ่มจากเดิม 350 คน) และ ส.ส.บัญชีรายชื่อ เป็น 100 คน (ลดจากเดิม 150 คน)
สำหรับ ‘ร่างแก้ไข พ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส.’ ซึ่ง กมธ.วิสามัญพิจารณาเสร็จแล้ว มีทั้งสิ้น 32 มาตรา
โดยประเด็นหลักๆ ที่มีผู้สงวนความเห็นและขอแปรญัตติ ที่จะต้องไปอภิปรายและลงมติในที่ประชุมต่อไป มีอาทิ
- มาตรา 10 ว่าด้วยหมายเลขประจำตัวผู้สมัคร ส.ส. ทั้งเขตและบัญชีรายชื่อ ซึ่งตามร่างกฎหมายนี้ ยังต้องใช้ ‘2 ใบ-ต่างเบอร์’ อยู่ เนื่องจากรัฐธรรมนูญยังกำหนดให้ต้องยื่นสมัคร ส.ส.เขตก่อน ค่อยส่งสมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อ แต่ก็ยังมีหลายๆ คนเสนอวิธีที่จะปรับไปใช้ ‘เบอร์เดียวทั่วประเทศ’
-
มาตรา 23 ว่าด้วยวิธีคำนวณ ส.ส.บัญชีรายชื่อ ซึ่งตามร่างกฎหมายนี้ ส.ส. 2 ประเภท จะใช้วิธีแยกตะกร้า คือ ส.ส.เขต (ใครได้คะแนนมากสุดและมากกว่า no vote จะได้เป็น ส.ส.เขต) กับ ส.ส.บัญชีรายชื่อ (หารร้อย และได้ ส.ส.ตามสัดส่วนนั้นๆ) คำนวณแยกจากกัน แต่ก็มีผู้เสนอให้ใช้คะแนน ส.ส.บัญชีรายชื่อไปหารห้าร้อย เพื่อให้ได้ตัวเลข ส.ส.พึงมี แล้วเอาตัวเลขนี้ไปลบ ส.ส.เขต ส่วนต่างจะทำให้ได้ ส.ส.บัญชีรายชื่อเพิ่มเติม ซึ่งเป็นสูตรที่จะทำให้พรรคใหญ่ที่ได้ ส.ส.เขตมากๆ จะได้รับ ส.ส.บัญชีรายชื่อน้อยลงไป หรือกระทั่งอาจไม่ได้เลย และพรรคเล็กมีโอกาสได้ ส.ส.จากบัญชีรายชื่อ
ทั้งนี้ ในร่างกฎหมายนี้ยังมีบางมาตราที่เนื้อหาถูกเพิ่มมาในชั้น กมธ.วิสามัญที่น่าสนใจ เช่น มาตรา 18 ที่กำหนดว่าต้องอำนวยความสะดวกให้ประชาชนเข้าสังเกตุการณ์การนับคะแนนที่หน่วยเลือกตั้งด้วย และมาตรา 19/1 ที่กำหนดให้ต้องเปิดเผยผลการนับคะแนนรายหน่วยไว้บนเว็บไซต์ภายใน 72 ชั่วโมงหลังปิดหีบ
ส่วน ‘ร่างแก้ไข พ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมือง’ ซึ่ง กมธ.วิสามัญพิจารณาเสร็จสิ้นแล้ว มีทั้งสิ้น 13 มาตรา ประเด็นหลักๆ จะว่าด้วยการเข้าเป็นสมาชิกพรรค และขั้นตอนการสรรหาผู้สมัคร ส.ส. ทั้งเขตและบัญชีรายชื่อ
การพิจารณาร่างกฎหมายทั้ง 2 ฉบับนี้ครั้งนี้ เป็นการพิจารณาในวาระสอง (รายมาตรา) ซึ่งใช้เพียงเสียงข้างมากของที่ประชุม และในวาระสาม (เห็นชอบทั้งฉบับ) ซึ่งต้องใช้เสียงเกินกึ่งหนึ่งของ ส.ส. และ ส.ว.แต่งตั้งที่อยู่ทั้งหมด ที่หากได้รับความเห็นชอบต้องส่งไปให้ศาลฎีกา ศาลรัฐธรรมนูญ หรือองค์กรอิสระให้ความเห็น หากไม่มีอะไรทักท้วงค่อยนำขึ้นทูลเกล้าฯ ประกาศใช้เป็นกฎหมายต่อไป
#Brief #TheMATTER