แม้กิจการหนังสือพิมพ์ท้องถิ่นจะเคยเฟื่องฟูมากๆ ในอดีตของสหรัฐฯ แต่ก็เป็นเรื่องที่น่าใจหาย หลังมีรายงานเปิดเผยว่า หนังสือพิมพ์ในสหรัฐฯ กำลังปิดตัวลงด้วยอัตรา 2 แห่งต่อสัปดาห์ ทำให้ผู้เชี่ยวชาญมีความกังวลว่า นี่จะเป็นวิกฤตต่อประชาธิปไตยในสหรัฐฯ
รายงานเรื่อง ‘The State of Local News in 2022’ (‘สถานการณ์ข่าวท้องถิ่น ปี 2022’) จัดทำโดยสถาบันเมดิล เพื่อวารสารศาสตร์ สื่อ และการสื่อสารการตลาดบูรณาการ แห่งมหาวิทยาลัยนอร์ธเวสเทิร์น ระบุว่า ในช่วงปลายเดือน พ.ค. ที่ผ่านมา สหรัฐฯ เหลือหนังสือพิมพ์อยู่ 6,377 แห่งทั้งประเทศ จากเดิมที่เคยมีอยู่ 8,891 แห่ง เมื่อปี 2548
ขณะที่ในระหว่างช่วงปลายปี 2562 ถึง พ.ค. 2565 ก็พบว่า มีหนังสือพิมพ์มากกว่า 360 แห่งที่ปิดตัวไปแล้ว ในจำนวนนี้ แทบทั้งหมดเป็นหนังสือพิมพ์ท้องถิ่นรายสัปดาห์ที่คอยนำเสนอข้อมูลข่าวสารในท้องที่ให้กับชุมชนเล็กๆ ส่วนการจ้างงานนักข่าว ลดลงเหลือ 31,000 ตำแหน่ง จากเดิมที่เคยมีอยู่ที่ 75,000 ตำแหน่งในปี 2549
นักวิจัยระบุว่า หนังสือพิมพ์ท้องถิ่นส่วนใหญ่ที่ปิดตัวไป มักไม่ได้มีรูปแบบดิจิทัลหรือสิ่งพิมพ์อื่นๆ มาแทนที่ ทำให้มีการคำนวณว่า ประชากร 70 ล้านคน หรือ 1 ใน 5 ของประเทศ จะไม่มีช่องทางรับรู้ข่าวสารท้องถิ่นได้เลย โดยเฉพาะข้อมูลในแง่มุมเชิงวิพากษ์ที่จำเป็นต่อการตัดสินใจในเชิงประชาธิปไตย
“นี่คือวิกฤตต่อประชาธิปไตยและสังคมของเรา” เพเนโลพี มิวส์ อเบอร์นาธี ผู้นำวิจัยในเรื่องนี้ที่สถาบันเมดิล กล่าว พร้อมอธิบายว่า งานวิจัยที่ผ่านๆ มาชี้ว่า ชุมชนไหนที่ไม่มีองค์กรข่าวที่แข็งแรง การมีส่วนร่วมของผู้มีสิทธิเลือกตั้งก็จะลดต่ำลง ขณะที่คอร์รัปชั่นจะสูงขึ้น ซึ่งเป็นผลมาจากกระแสข้อมูลผิดๆ การแบ่งขั้วทางการเมือง และความเชื่อมั่นในสื่อที่ลดน้อยถอยลง
อเบอร์นาธีอธิบายด้วยว่า ชุมชนที่ไม่ได้มีฐานะร่ำรวยทางเศรษฐกิจและมักจะไม่ได้รับสิทธิหรือสวัสดิการเท่าที่ควรนี่เอง ที่จำเป็นต้องมีสำนักข่าวท้องถิ่นมากที่สุด แต่ในขณะเดียวกัน ชุมชนเหล่านี้ก็มักจะเป็นที่ที่องค์กรข่าวสิ่งพิมพ์หรือดิจิทัลอยู่รอดได้ยากที่สุดด้วย
อ้างอิงจาก
https://apnews.com/article/journalism-united-states-39ef84c1131267233768bbb4dcaa181b
https://localnewsinitiative.northwestern.edu/research/state-of-local-news/report