สถานการณ์ของรัสเซีย-ยูเครน ยังคงดำเนินต่อมาตั้งแต่ที่รัสเซียรุกรานยูเครนเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ปีนี้ โดยล่าสุด กองทัพยูเครนระบุว่า ฝั่งรัสเซียทิ้งระเบิดฟอสฟอรัสลงบนเกาะงู ในทะเลดำ หลังจากที่ประกาศถอนกองกำลังออกจากพื้นที่ดังกล่าว
วาเลรี ซาลูจเนีย (Valeriy Zaluzhnyi) ผู้บัญชาการกองทัพยูเครน เปิดเผยว่า เครื่องบินขับไล่ Su-30 ของรัสเซีย 2 ลำ ได้ทิ้งระเบิดฟอสฟอรัสลงมาบนเกาะงู ในระหว่างที่บินข้ามเกาะงู จากคาบสมุทรไครเมีย
คำแถลงการณ์ของยูเครนมาพร้อมกับคลิปวิดีโอที่แสดงให้เห็นภาพเครื่องบินรบทิ้งระเบิดลงมาอย่างน้อย 2 ครั้งบนเกาะงู จากนั้น ก็มีสิ่งที่คล้ายกับริ้วควันสีขาวเกิดขึ้นบนจุดที่มีการทิ้งระเบิด
ขณะที่ กระทรวงกลาโหมของรัสเซียออกมาปฏิเสธข้อกล่าวหาดังกล่าว พร้อมระบุว่า รัสเซียได้ถอนกำลังรักษาการณ์ออกจากเกาะงูไปแล้ว เมื่อวันที่ 30 มิถุนายนที่ผ่านมา
รัสเซียระบุอีกว่า การถอนกำลังออกนี้ถือเป็นเจตนาดีที่ต้องการแสดงให้เห็นว่า รัสเซียจะไม่แทรกแซงความพยายามของสหประชาชาติในการจัดเส้นทางลำเลียงการขนส่งเมล็ดพันธุ์จากท่าเรือของยูเครนในทะเลดำ เพื่อที่จะเข้าไปช่วยแก้ไขวิกฤตขาดแคลนอาหารในยูเครน
เกาะงู ถือเป็นจุดยุทธศาสตร์สำคัญทางการทหาร และเป็นสถานที่ที่ยูเครนใช้อ้างอิงในการกำหนดอาณาเขตทางทะเลด้วย ซึ่งก่อนหน้านี้ เคยมีข่าวว่า ทหารยูเครนที่อยู่บนเกาะดังกล่าวได้พลีชีพเพื่อต้านการรุกรานของรัสเซีย แต่ในเวลาต่อมา รัสเซียก็ได้ควบคุมตัวทหารยูเครน รวมถึงเรือกู้ภัยของพลเรือนบนเกาะแห่งนี้
ส่วนอาวุธฟอสฟอรัสนั้น โดยปกติจะทิ้งร่องรอยสีขาวไว้บนท้องฟ้า และเป็นอาวุธที่มีคุณลักษณะไวไฟและดับได้ยาก อานุภาพการระเบิดอาจไม่ร้ายแรงมาก แต่ก็ส่งผลให้เกิดการลุกไหม้ที่ยาวนาน ผู้เสียชีวิตจากระเบิดฟอสฟอรัสมักขาดอากาศหายใจ มีแผลไฟไหม้รุนแรง ซึ่งอนุสัญญาเจนีวาได้ออกข้อกำหนดห้ามใช้อาวุธฟอสฟอรัสโจมตีพลเรือน
อย่างไรก็ดี แม้จะมีการถอนกำลังออกจากเกาะงูของรัสเซีย แต่การโจมตีในพื้นที่ต่างๆ ก็ยังคงเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง ล่าสุด มีรายงานว่า รัสเซียยิงขีปนาวุธโจมตีอพาร์ตเมนต์แห่งหนึ่งในแคว้นโอเดสซาในยูเครน ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 21 ราย
อ้างอิงจาก