เข้าสู่การอภิปรายไม่ไว้วางใจวันสุดท้ายของสภาฯ ที่ดุเดือดมากขึ้นเรื่อยๆ ผู้อภิปรายคนหนึ่งที่ถูกจับตามองก็คือ ‘รังสิมันต์ โรม’
ครั้งนี้ รังสิมันต์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ก็ได้ลุกขึ้นมาแฉ ‘ตั๋วช้าง ภาค 2’ ที่ปรากฏว่า กองบินตำรวจทุจริต ใช้หนี้เกินงบ ยำอะไหล่แลกใบพัด แต่ผู้กระทำความผิดไม่ต้องรับผิดชอบ เพราะมีสิ่งที่รังสิมันต์บอกว่า คือ ‘ตั๋วช้าง’
เรื่องนี้เผ็ดร้อนไม่แพ้ตั๋วช้างภาคก่อนๆ The MATTER ขอสรุปคำอภิปรายของ ส.ส.รังสิมันต์ ไว้ดังนี้
พฤติกรรมก่อหนี้เกินงบของกองบินตำรวจ
1. เรื่องนี้ รังสิมันต์เริ่มเปิดโปงว่า เกิดขึ้นในช่วงที่ พล.ต.ต. ‘ก.’ ดำรงตำแหน่งผู้บังคับการกองบินตำรวจ (บ.ตร.) ย้อนกลับไปปีงบประมาณ 2563 สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) ได้มอบหมายงบ 950 ล้านบาท กับ กองบินตำรวจ เพื่อเซ็นสัญญาโครงการซ่อมบำรุงอากาศยานกับ บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน)
2. ซึ่ง รังสิมันต์ชี้ว่า ตามสามัญสำนึก ได้รับงบเท่าไร ก็ควรใช้เท่านั้น หรือตามที่กฎหมายหรือสัญญากำหนดไว้ แต่ปรากฏว่า เมื่อเดือน ก.ย. 2564 การบินไทยได้ยื่นหนังสือทวงหนี้มายัง สตช. จำนวน 1,824,194,622 บาท
เท่ากับว่า กองบินตำรวจได้สั่งจ้างสั่งซื้อเพิ่มเติมเกินกว่างบ รวมทั้งหมดเป็นจำนวนถึง 2,774 ล้านบาท ซึ่ง 2 ใน 3 กองบินตำรวจไม่สามารถเบิกจากคลังมาจ่ายได้ รวมทั้งยังมีส่วนที่ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับการซ่อมเครื่องบินเลย เช่นการซื้อตาข่ายไล่นก ที่ใช้ไปรวม 35 ล้านบาท แต่ราคาในตลาดจริงๆ แค่หลักหมื่น–แสนบาทเท่านั้น
3. นอกจากนี้ จากการตรวจสอบ ยังพบว่า เมื่อค้างหนี้ ทำให้มีอะไหล่หลายชิ้นที่ถูกส่งซ่อมไป ยังไม่ถูกส่งกลับมา อากาศยานใช้งานไม่ได้อย่างน้อย 11 ลำ และทำให้การบินไทยไม่ยอมต่อสัญญาซ่อมเครื่องบินรอบใหม่ตั้งแต่เดือน ก.ย. 2564 แต่เพิ่งมายอมเซ็นเมื่อเดือน มิ.ย. 2565 ที่ผ่านมา ทำให้เครื่องบินตกอยู่ในสภาพไม่ได้ซ่อมแซมตามรอบ เพิ่มความเสี่ยงให้เจ้าหน้าที่ไปอีก ตัวอย่างที่เห็นในข่าว คือ กรณีเฮลิคอปเตอร์ แบบ เบลล์.429 หมายเลข 3204 ตก เพราะขาดการซ่อมบำรุง
4. อย่างไรก็ดี กระบวนการตรวจสอบที่เกิดขึ้นในภายหลังกลับถูกเตะถ่วง ทำให้เกิดความล่าช้า โดยเริ่มจาการที่จเรตำรวจตั้งคณะกรรมการตรวจสอบในเดือน มี.ค. 2564 แต่กว่าจะเสร็จสิ้นก็เดือน ต.ค. 2564
ถึงกระนั้น ภายหลังกระบวนการตรวจสอบสิ้นสุด ก็กลับมีคำสั่งให้ส่งเรื่องไปกองวินัยตำรวจเพื่อตั้งคณะกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริงขึ้นมาใหม่อีก ขนาดว่าทางกองบินตำรวจทวงถามเรื่องการตั้งคณะกรรมการสอบสวนไปอีกครั้งเดือน ก.พ. 2565 ก็มีคำตอบกลับมาว่ายังร่างคำสั่งไม่เสร็จ และกว่าจะได้ตั้งคณะกรรมการชุดใหม่กันจริงๆ คือช่วงปลายเดือน เม.ย. 2565 ระหว่างนั้นก็ยังมีการเปลี่ยนตัวกรรมการไม่สิ้นสุด
5. รังสิมันต์ อภิปรายถึง พล.อ.ประยุทธ์ ว่า ในฐานะผู้บัญชาการสูงสุดของตำรวจ ก็ทราบเรื่องตั้งแต่ สตช. ทำหนังสือขอความช่วยเหลือมายังคณะรัฐมนตรี (ครม.) เป็นครั้งแรกเมื่อ 21 ก.ย. 2564 ซึ่งต่อมา พล.อ.ประยุทธ์ ได้ลงนามรับทราบด้วยตัวเอง แต่ก็ยังปล่อยปละละเลยไม่ติดตามความคืบหน้า และตรวจสอบเพื่อเอาผู้กระทำผิดมารับผิดชอบโดยเร็ว
6. ต่อมา กรมบังคับคดีซึ่งดูแลเรื่องการฟื้นฟูกิจการของการบินไทย ก็ได้ส่งหนังสือทวงหนี้มายัง สตช. โดยตามขั้นตอนแล้ว สตช. มีเวลาปฏิเสธหนี้ใน 14 วัน ซึ่งจะทำให้เข้าสู่กระบวนการพิสูจน์จำนวนหนี้ที่แท้จริงต่อไป รังสิมันต์ชี้ว่า นี่คือโอกาสทองที่จะบอกว่าไม่ใช่หน้าที่ของ สตช. ในการจ่ายหนี้ แต่ปรากฏว่า สตช. กลับทำหนังสือล่าช้าไป 3 วัน เป็นสาเหตุให้ สตช. ต้องกลายเป็นลูกหนี้เด็ดขาด “ภาษาวัยรุ่น เรียกว่า บ้งกันสุดๆ บ้งกันเป็นระบบ” รังสิมันต์กล่าว
7. สุดท้าย พล.อ.ประยุทธ์ ก็ต้องใช้วิธีใช้งบกลาง หรือก็คือเงินภาษี เพื่อมาใช้หนี้ โดยได้รับอนุมัติจาก ครม. เมื่อวันที่ 12 เม.ย. 2565 นอกจากนี้ ยังมีการฟอกขาวการทุจริตย้อนหลัง ด้วยการอนุมัติให้ สตช. สามารถก่อหนี้ผูกพันเกินที่กำหนดในงบประมาณปี 2563 ด้วย
“ทั้งหมดนี้ ไม่ใช่ค่าโง่ แต่คือค่าแกล้งโง่” รังสิมันต์ระบุ
ยำอะไหล่ดีตีราคาถูก
8. นอกจากเรื่องใช้หนี้เกินงบ รังสิมันต์ยังอภิปรายต่อมา มีกรณีการทุจริตของกองบินตำรวจอีกเรื่อง ซึ่งเกิดขึ้นเมื่อเดือน ก.ย. 2563 ที่กองบินตำรวจได้ไปทำสัญญาแลกเปลี่ยนอะไหล่อากาศยานด้วยวิธีเฉพาะเจาะจง กับบริษัท Airwork Helicopter โดยเป็นการนำอะไหล่เก่าเสื่อมสภาพจำนวน 6,622 ชิ้น มูลค่าคาดว่าสูงถึง 1,158 ล้านบาท ไปแลกกับใบพัดหางเฮลิคอปเตอร์ จำนวน 2 ชุด
9. ในทางกฎหมาย ไม่ว่าจะบอกว่าเสื่อมสภาพหรืออะไรก็ตาม แต่รังสิมันต์ชี้ว่า เป็นการกระทำที่ผิดกฎหมายเต็มๆ เพราะคำสั่งตำรวจระบุว่า ตำแหน่งระดับผู้การกองบินมีอำนาจอนุมัติได้ในวงเงินแค่ไม่เกิน 5 ล้านบาทเท่านั้น หรือในระเบียบกระทรวงการคลัง ได้ไม่เกิน 5 แสนบาทเท่านั้น
10. ยิ่งไปกว่านั้น ในอะไหล่จำนวน 6,622 ชิ้นนี้ ยังพบว่ามีคำสั่งให้นำอะไหล่ของเครื่องบิน Skyvan 1 ลำ จำนวน 4 ชิ้น และอะไหล่ของเฮลิคอปเตอร์ Bell 206 B 3 ลำ อีกจำนวน 21 ชิ้น ไปยำรวมกับเศษเหล็ก ซึ่งประเมินแล้วมีมูลค่า 111,000,000 บาท แต่ในสัญญาแลกเปลี่ยนทั้งหมด 6,622 ชิ้นนั้น เหลือมูลค่าทั้งหมดเพียง 2,500,000 บาทเพียงเท่านั้น ซึ่งรังสิมันต์ชี้ว่า เป็นการฮั้วให้ได้ราคายิ่งกว่า ‘ล้างสต็อก’
พล.ต.ต. ‘ก.’ – ศูนย์เดโชชัย 5 – และตั๋วช้างภาค 2
11. ทั้งหมดนี้ รังสิมันต์ตั้งข้อสังเกตว่า พล.อ.ประยุทธ์รับรู้ปัญหาพฤติกรรมที่ส่อทุจริตชัดเจนทั้ง 2 กรณีของกองบินตำรวจเป็นอย่างดี เพราะปรากฏหลักฐานว่าเป็นผู้เซ็นรับทราบด้วยตัวเอง แต่กลับไม่ดำเนินการอะไรเลย แม้กระทั่งการพักงานก็ไม่ทำ จึงเกิดเป็นคำถามว่า พล.ต.ต. ‘ก.’ ซึ่งเป็นผู้บังคับการกองบินตำรวจ ใหญ่มาจากไหน ทำไมยังไม่ถูกพักงาน?
12. จนกระทั่งได้ไปพบข้อมูลว่า พล.ต.ต. ‘ก.’ มีตำแหน่งเป็น ผบ.ศปก.ถปภ.ขบวน ฮ.เดโชชัย 5 หรือที่เรียกว่า ‘ศูนย์เดโชชัย 5’ ซึ่งตั้งขึ้นเพื่อถวายความปลอดภัยในการเสด็จของพระบรมวงศานุวงศ์ ซึ่งโดยปกติ เป็นความรับผิดชอบของกองบินตำรวจอยู่แล้ว และดำเนินการได้โดยไม่ต้องมีการตั้งศูนย์อะไรเป็นพิเศษ
แต่หลังจากที่ พล.ต.ต. ‘ก.’ ย้ายออกไปจากกองบินตำรวจเพียง 1 เดือน 17 วัน ก็ปรากฏว่ามีการตั้งหน่วยงานใหม่ดังกล่าวขึ้นมา จนรังสิมันต์ตั้งข้อสังเกตว่า อาจเกิดมาเพื่อ พล.ต.ต. ‘ก.’ โดยเฉพาะ ทั้งนี้ พล.ต.ต. ‘ก.’ ยังมีอำนาจสั่งการกองบินตำรวจได้ด้วย จึงเป็นคำถามว่า เมื่อกองบินตำรวจขึ้นตรงต่อ สตช. เท่านั้น ศูนย์ดังกล่าวใช้อำนาจตามกฎหมายอะไร ทำไมจึงสั่งการได้
13. เรื่องนี้ มีการกล่าวอ้างว่า พล.ต.ต. ‘ก.’ ได้รับอนุญาตให้ปฏิบัติหน้าที่นักบินเฮลิคอปเตอร์และผู้อำนวยการเดินทางถวายต่อ แม้จะถูกย้ายตำแหน่งไปแล้ว จนกระทั่งได้ย้ายมาเป็น ผอ.ที่ศูนย์เดโชชัย 5 ตามเอกสารที่มีชื่อว่า ‘แผนถวายความปลอดภัยสำหรับขบวนเฮลิคอปเตอร์พระราชพาหนะ’ เซ็นอนุมัติโดย พล.ต.ท.สุทิน ทรัพย์ม่วง ผู้ช่วย ผบ.ตร. รังสิมันต์จึงตั้งคำถามว่า แบบนี้เท่ากับ ‘ตั๋วช้าง’ อีกประเภทหนึ่งใช่หรือไม่
“มีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้น พล.อ.ประยุทธ์ หายไปไหน ทำไมจึงปล่อยให้ทำสิ่งต้องห้าม ไปนำสถาบันมาเป็นเกราะกำบังเพื่อสร้างวัฒนธรรมลอยนวลพ้นผิด เพราะเมื่อได้ตั๋วมาแล้วคงไม่มีใครกล้าตรวจสอบแน่” รังสิมันต์อภิปราย
14. รังสิมันต์ชี้ว่า กรณีดังกล่าว ทำให้เกิดผลกระทบอย่างน้อย 2 ประการ คือ (1) พล.ต.ต. ‘ก.’ ที่ถูกย้ายตำแหน่งไปแล้ว สามารถนำตำแหน่ง ผอ.กองบินเป็นนักบินเฮลิคอปเตอร์และผู้อำนวยการเดินทางถวาย มาเป็นตำแหน่งติดตัวได้
และ (2) ส่งผลให้เกิดข้อบกพร่องในการถวายความปลอดภัยในขบวนเฮลิคอปเตอร์ราชพาหนะ เพราะเมื่อถูกย้ายไปหน่วยที่ไม่ต้องทำการบินแล้ว ก็ไม่จำเป็นต้องตรวจสุขภาพตามระเบียบ ซึ่งรังสิมันต์ระบุว่า เท่ากับขาดคุณสมบัติในการเป็นนักบิน และทำให้พระบรมวงศานุวงศ์ต้องตกอยู่ในอันตราย แบบนี้เท่ากับถวาย ‘นักบินเถื่อน’ หรือไม่ รังสิมันต์ถาม
15. ท้ายที่สุด รังสิมันต์อภิปรายถึง พล.อ.ประยุทธ์ว่า “พล.อ.ประยุทธ์ คือบุคคลสำคัญที่สุดที่สานต่อวัฒนธรรมลอยนวลพ้นผิด วัฒนธรรมทุจริตแล้วได้ดิบดีให้แผ่ไพศาลไปทั่วทั้งระบบราชการ ไม่ใช่แค่ตำรวจ แต่รวมทั้งทหาร ครู ศาล อัยการ และราชการอื่นใดทั้งหมดทั้งปวง ฉุดกระชากเอาระบบราชการของประเทศนี้ที่ตกต่ำอยู่แล้ว ให้ตกต่ำลงไปอีก เราไม่อาจเห็นได้เลยว่าก้นบึ้งแห่งความตกต่ำนี้อยู่ที่ใด”
ก่อนจะทิ้งท้ายว่า เขาไม่สามารถไว้วางใจให้ พล.อ.ประยุทธ์ ดำรงตำแหน่งต่อไปได้
อ้างอิงจาก
https://www.youtube.com/watch?v=6249jVZPrpg
https://www.moveforwardparty.org/news/parliament/nail-on-coffin-censure/14150